READING

แม่บ้านยุคใหม่เชิญทางนี้! ฮาวทูซักผ้าให้ห้อมหอม...

แม่บ้านยุคใหม่เชิญทางนี้! ฮาวทูซักผ้าให้ห้อมหอม

laundry

คุณแม่บ้านหลายคนน่าจะเคยสงสัยว่า ทำไมซักผ้าแล้วไม่ค่อยหอม เคยได้กลิ่นเสื้อผ้าหอมๆ ของคนอื่น พยายามกลับมาเปลี่ยนน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มเท่าไร ก็ยังไม่หอมอย่างที่อยากได้สักที

ถึงแม้จะมีเครื่องซักผ้าช่วยอำนวยความสะดวก แต่นอกจากซักผ้าให้สะอาดแล้ว กลิ่นหอมอ่อนๆ ติดเสื้อผ้าก็เป็นเสน่ห์และภาระกิจที่คุณแม่บ้านหลายบ้านอยากจะทำให้สำเร็จ

เราเลยสงสัยว่า การซักผ้าให้หอมนี่ต้องมีเทคนิคพิเศษอะไรหรือเปล่า ลองไปค้นหาคำตอบ ก็พอจะได้เทคนิคที่น่าสนใจมาฝากกันประมาณนี้

1. แช่ผ้าด้วยน้ำอุ่น

คุณแม่บ้านทราบไหมคะว่าการแช่ผ้าด้วยน้ำอุ่นช่วยขจัดคราบสกปรกได้ดีกว่าแช่ด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ เพราะสามารถช่วยฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียสะสม และช่วยลดกลิ่นเหม็นอับที่ติดอยู่ในเนื้อผ้าได้ดียิ่งขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งยุคที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การแช่ผ้าด้วยน้ำอุ่นก่อนไปซักจริง นอกจากจะช่วยฆ่าเชื้อโรคแล้ว ยังทำให้ผ้ามีสีสดใสมากขึ้นอีกด้วย

 

2. ทำความสะอาดถังเครื่องซักผ้า

เครื่องซักผ้ามีการทำงานกับน้ำ ทำให้มีความชื้นเกิดขึ้นแทบจะตลอดเวลา หากไม่ได้รับการดูแลอย่างดีก็อาจทำให้เกิดเชื้อราขึ้นได้ เราจึงควรหมั่นล้างทำความสะอาดถังของเครื่องซักผ้า ด้วยการใช้น้ำส้มสายชูผสมกับน้ำในอัตราส่วนเท่ากัน และใช้โหมดทำความสะอาดเครื่องหรือกดให้เครื่องทำงานเหมือนซักผ้าปกติ เมื่อเครื่องทำงานเสร็จแล้ว ให้ใช้ฟองน้ำหรือผ้านุ่มเช็ดเพื่อป้องกันเชื้อรา และหลังจากใช้งานเครื่องซักผ้าทุกครั้งควรเปิดประตูเครื่องซักผ้าทิ้งไว้เพื่อให้อากาศถ่ายเท ลดการเกิดกลิ่นเหม็นอับ ช่วยให้อากาศหมุนเวียนได้ดี ลดความชื้นซึ่งอาจก่อให้เกิดเชื้อราตามมาได้

 

3. ไม่ซักผ้าครั้งละมากเกินไป

จำนวนของเสื้อผ้าที่ใส่ลงในเครื่องซักผ้าก็มีผลกับการทำความสะอาดผ้า หากใส่เสื้อผ้าลงซักในเครื่องมากเกินไป อาจทำให้เครื่องซักผ้าได้ไม่ทั่วถึง รวมถึงปริมาณน้ำยาซักผ้าอาจน้อยกว่าจำนวนผ้าที่ซัก ทำให้ยังคงมีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรใส่เสื้อผ้าอัดแน่นในเครื่องซักผ้ามากจนเกินไป

 

4. แยกเสื้อผ้าก่อนซัก 

การแยกเสื้อผ้าตามประเภทก่อนซัก เช่น แยกเสื้อผ้าสีขาวกับผ้าสีออกจากกัน, แยกชุดที่เลอะคราบสกปรก, แยกซักชุดออกกำลังกายที่มีคราบเหงื่อ เพื่อลดกลิ่นหรือสิ่งสกปรกไปปะปนติดกับเสื้อผ้าตัวอื่นๆ ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความหอมของน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มได้

 

5. เลือกเสื้อผ้าบางประเภทมาซักด้วยมือ

เสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าบอบบางหรือเสื้อผ้าที่มีคราบสกปรกฝังลึก ควรแช่ผ้าทิ้งเอาไว้ก่อนประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นให้นำมาซักผ้าด้วยมือก่อน เพราะการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าอาจทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร ซึ่งอาจเป็นเหตุทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียสะสม เป็นต้นเหตุของการเกิดกลิ่นได้

 

6. ตากผ้าในที่อากาศถ่ายเทสะดวก

การตากผ้ากลางแจ้ง ในพื้นที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก โดยเฉพาะยิ่งมีแสงแดดจัด จะยิ่งช่วยให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น หมดกังวลเรื่องเชื้อแบคทีเรียและกลิ่นอับไปได้

 

7. อบผ้าให้แห้งสนิท

หากซักผ้าในช่วงฤดูฝนหรือขณะไม่มีแสงแดด จะทำให้ผ้าไม่แห้ง มีกลิ่นเหม็นอับ เพราะถ้าผ้าไม่แห้งสนิท จะเป็นต้นเหตุของกลิ่นอับชื้น เชื้อแบคทีเรีย และอาจส่งผลต่อโรคผิวหนังได้ ทางที่ดีคือควรอบผ้าให้แห้งสนิทก่อนค่อยพับเก็บค่ะ

  

8. ใช้สเปรย์น้ำหอมฉีดที่เสื้อผ้า

นอกจากจะฝากความหวังไว้ที่น้ำยาซักผ้า ผงซักฟอก และน้ำยาปรับผ้านุ่มแล้ว หลังผ้าอบแห้งสนิทแล้ว สามารถฉีดสเปรย์เพิ่มความหอมสำหรับเสื้อผ้าก่อนเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยผ้าของเรามีกลิ่นหอมติดทนนานได้

อ้างอิง
cleaning.lovetoknow
th.theasianparent

Supinya R.

ชอบอ่านนิยายสยองขวัญ ชอบเขียนไดอารี่ และเป็นคุณแม่จำเป็นในบางเวลา :-)

COMMENTS ARE OFF THIS POST