ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเรียนรู้ของเด็กรุ่นใหม่ มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีกว่าการเรียนรู้ของคนรุ่นเก่า ที่มักสอนให้เด็ก เรียนด้วยการท่องจำมากกว่าการสอนเพื่อให้เกิดการเรียนรู้จากความเข้าใจ เพื่อให้เด็กสามารถนำความรู้ไปพัฒนาและต่อยอดใช้ในชีวิตประจำวันได้
Dr. Katie Azevedo ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนและการศึกษา จากประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวไว้ว่า การ เรียนด้วยการท่องจำ คือการจดจำเนื้อหาเพียงชั่วคราวเท่านั้น และนำไปประยุกต์ใช้จริงได้ยาก ซึ่งตรงกันข้ามกับการเรียนด้วยความเข้าใจที่ทำให้ผู้เรียนสามารถจดจำเนื้อหาได้อย่างถาวร และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
ดังนั้น การปูพื้นฐานและสร้างแนวทางการเรียนรู้ด้วยความเข้าใจให้กับลูก เพื่อให้ลูกเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำความรู้ในบทเรียนมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ จึงเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้สำคัญ มากกว่าการเรียนการสอนที่เน้นให้ลูกท่องจำเพียงอย่างเดียว
1. พัฒนาทักษะ Critical Thinking
ทักษะ Critical Thinking จะช่วยให้ลูกรู้จักวิเคราะห์ปัญหา และสามารถเชื่อมโยงเหตุและผล เพื่อหาวิธีการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อลูกได้เรียนเนื้อหาใหม่ๆ ก็จะสามารถต่อยอด เชื่อมโยงและทำความเข้าใจกับเนื้อหาใหม่ได้ง่ายขึ้น
คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งเสริม Critical Thinking ให้กับลูกได้ด้วยการฝึกให้ลูกคิดวิเคราะห์ และอธิบายความคิดของตัวเองออกมาเช่น ลองให้ลูกบอกข้อดีข้อเสียของของเล่นชิ้นโปรด ชวนลูกเล่นเกมไขปริศนา หรือลองให้ลูกคิดตอนจบของนิทานเรื่องโปรดในแบบของตัวเอง เพื่อฝึกให้ลูกรู้จักการคิดวิเคราะห์ เชื่อมโยงเหตุและผล ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญของการเรียนรู้ในทุกด้าน
2. ปลดล็อกสกิลด้วย ‘การจำลองภาพ’
โดยทั่วไปเด็กจะสามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจผ่านรูปภาพหรือวิดีโอได้ดีกว่าตัวหนังสือ จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่ควรฝึกฝนทักษะการแปลงเนื้อหาหรือบทเรียนให้ลูกเข้าใจได้ด้วยการอธิบายเป็นภาพ ก็จะช่วยให้ลูกทำความเข้าใจบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนั้น การกระตุ้นให้ลูกจินตนาการภาพตาม โดยเริ่มจากการอ่านหรืออธิบายปากเปล่าให้ลูกฟังก่อน แล้วลองให้ลูกเขียนเล่าสิ่งที่ได้ฟัง หรือจะให้ลูกลองเรียบเรียงเรื่องราวและเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังอีกครั้ง เมื่อลูกฝึกฝนจนทำได้ดีแล้ว ลูกจะสามารถอธิบายสิ่งที่เรียนรู้ให้ออกมาเป็นรูปภาพที่เข้าใจง่ายยิ่งขึ้นนั่นเอง
3. สร้างบรรยากาศให้น่าเรียน
การเรียนให้เข้าใจเริ่มต้นจากการตั้งใจเรียนในห้องเรียน จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่และคุณครูที่ต้องช่วยกันทำบรรยากาศในการเรียนให้สนุกเหมาะสมกับเด็กแต่ละช่วงวัย เมื่อลูกรู้สึกสนุกกับการเรียนก็จะช่วยให้ลูกตั้งใจเรียนและสามารถเข้าใจเนื้อหาในบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น
4. สลับกันเป็นคุณครู
อีกหนึ่งวิธีที่กระตุ้นให้ลูกสนใจบทเรียน และพยายามทำความเข้าใจเนื้อหามากขึ้น เมื่อคุณพ่อคุณแม่เล่นเกมคุณครูนักเรียนกับลูก โดยเริ่มจากการแสดงความสนใจ และตั้งคำถามจากเนื้อหาที่ลูกกำลังเรียน เพื่อจูงใจให้ลูกรู้สึกต้องการค้นหาคำตอบ เพื่อคลายความสงสัยให้คุณพ่อคุณแม่ นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกได้ลองอธิบายความเข้าใจของตัวเองออกมาให้คุณพ่อคุณแม่ได้ฟังอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม หากคำตอบ หรือการอธิบายของลูกไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรตัดสิน แต่ควรแนะแนวคำตอบ วิธีการคิดที่ถูกต้อง วิธีนี้จะช่วยส่งเสริมความเข้าใจในบทเรียนของลูกได้ดีกว่าการนั่งท่องจำอีกด้วย
5. ฝึกลูกให้นอนตั้งแต่หัวค่ำ
สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) เผยว่า การนอนตั้งแต่หัวค่ำช่วยสมองปลอดโปร่งและเรียนรู้ได้เข้าใจมากขึ้น เพราะในช่วงเวลากลางคืนสมองจะมีกลไกการจัดระเบียบคล้ายกับการแยกอีเมลขยะออกไป พร้อมเปิดรับข้อมูลใหม่ๆ ในตอนเช้า คุณพ่อคุณแม่จึงควรสนับสนุนให้ลูกนอนตั้งแต่หัวค่ำ หรืออย่างช้า ไม่ควรเกิน 22.00 น. สำหรับเด็กวัยกำลังโต ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยส่งเสริมระบบการทำงานของสมองและการจดจำของลูกให้ดียิ่งขึ้นค่ะ
COMMENTS ARE OFF THIS POST