เพราะรู้ว่าวัย 1-3 ปี ของลูกน้อย เป็นวัยแห่งพัฒนาการและการเรียนรู้ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญ ด้วยการเลี้ยงดูที่ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการตามช่วงวัย มี กิจกรรมเสริมทักษะ เพื่อฝึกฝนให้ลูกมีทักษะที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต

แต่คุณพ่อคุณแม่ โดยเฉพาะพ่อแม่ฟูลไทม์หลายคนกลับประสบปัญหา อยากทุ่มเทเวลาให้ลูก แต่พออยู่บ้านกับลูกทั้งวันจริงๆ ก็ไม่รู้จะสอนหรือทำกิจกรรมอะไรให้มีประโยชน์กับลูกได้บ้าง

เพื่อให้วันเวลาของคุณพ่อคุณแม่ มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้และพัฒนาการของลูกมากที่สุด เราลองมาจัดตารางกิจกรรมเสริมทักษะให้แต่ละวันของคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยผ่านไปอย่างมีคุณภาพกันดีกว่าค่ะ

กิจกรรมยามเช้า

ยามเช้าเรียกได้ว่าเป็นเวลาแสนวุ่นของทุกบ้าน แต่คุณพ่อคุณแม่อาจลองแบ่งเวลาก่อนกินข้าว หรือเวลาระหว่างรับประทานอาหารมาใช้เวลาร่วมกับลูกก่อนไปทำงานได้

ชวนลูกร้องเพลงเข้าจังหวะสั้นๆ ลองหาเพลงเกี่ยวกับร่างกาย สี หรือเพลงที่เกี่ยวกับคำศัพท์ในชีวิตประจำวันง่ายๆ มาร้องเล่นกับลูก ถ้ามีการปรบมือหรือทำท่าทางประกอบเพลงด้วยจะดีที่สุด เพราะการร้องเพลงจะช่วยเสริมทักษะด้านการฟัง การใช้ภาษา การแยกประสาทสัมผัส และทักษะการเคลื่อนไหวร่างกายได้

ช่วงกลางวัน

ฝึกคำศัพท์บนโต๊ะอาหาร บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยคำศัพท์ใหม่ๆ ให้ลูกเรียนรู้ได้ทุกวัน ช่วงเวลานี้คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนให้ลูกรู้จักคำศัพท์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้ เช่น ชื่อของผัก คำศัพท์เรื่องสี รสชาติอาหาร ชื่อเมนู หรือจะพูดคุยถึงขั้นตอนการทำอาหารให้ลูกฟังก็ยังได้

ช่วงเย็น

เล่นต่อบล็อก ของเล่นประเภทบล็อกหรือตัวต่อจะช่วยฝึกให้ลูกใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่ ส่งเสริมพื้นฐานทักษะคณิตศาสตร์ด้วยบล็อกรูปทรงเรขาคณิต รู้จักแยกแยะสี และฝึกความคิดสร้างสรรค์ได้

ทำงานศิลปะจากลายนิ้วมือหรือวัสดุธรรมชาติ ช่วงเย็นเป็นเวลาแดดร่มลมตก คุณพ่อคุณแม่สามารถชวนลูกออกไปเดินเก็บใบไม้ ดอกไม้ มาทำงานศิลปะ หรือจะให้ลูกใช้มือละเลงสี แล้วระบายลงบนกระดาษได้ตามใจชอบ  หรือใช้สิ่งของในบ้าน เช่น หลอดพลาสติก ฝาขวด  มาสร้างเป็นผลงานศิลปะก็ได้เช่นกัน (ปล่อยให้ลูกเล่นเต็มที่ แล้วค่อยอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายก่อนกินข้าวเย็นก็ยังได้)

ก่อนเข้านอน

อ่านหนังสือให้ลูกฟัง ก่อนนอนคืออีกช่วงเวลาคุณภาพที่ลูกต้องการจากคุณพ่อคุณแม่ แต่กิจกรรมที่ทำในช่วงเวลานี้ ไม่ควรโลดโผน ใช้พลังงาน หรือสนุกสนานจนลูกนอนไม่หลับ

การส่งลูกเข้านอนด้วยหนังสือนิทานดีๆ สักเล่ม จะช่วย ช่วยให้ลูกได้ฝึกทักษะด้านภาษาตั้งแต่การฟัง การอ่าน และการพูด เพราะระหว่างที่คุณพ่อคุณแม่อ่าน ลูกจะได้เรียนรู้คำศัพท์ การออกเสียง ปะติดปะต่อเรื่องราวที่ได้ยิน และร้อยเรียงไปกับภาพที่เห็นในหนังสือ ถือเป็นกิจกรรมส่งท้ายวันที่มีประโยชน์ต่อลูกอย่างมากเลยล่ะค่ะ

อ้างอิง
discoverybuildingsetsblog
theinspiredtreehouse