READING

สูญเสียพ่อแม่: ถ้าใครคนหนึ่งหายไป คนที่อยู่จะช่วยล...

สูญเสียพ่อแม่: ถ้าใครคนหนึ่งหายไป คนที่อยู่จะช่วยลูกได้อย่างไรบ้าง

สูญเสียพ่อแม่

ในโลกของเด็กคนหนึ่ง พ่อและแม่คือรากฐานสำคัญของความรัก ความมั่นคง และความรู้สึกปลอดภัย การจากไปของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ ความเจ็บป่วย หรือเหตุการณ์ใดก็ตาม สำหรับเด็กๆ แล้ว จึงไม่ใช่แค่การสูญเสียหรือความโศกเศร้า แต่อาจหมายถึงโลกที่น่าอยู่ของเขาได้พังลงไปในพริบตา หากการ สูญเสียพ่อแม่ แม้เพียงคนใดคนหนึ่ง เกิดขึ้นกับเด็กๆ ในครอบครัวใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่ตามมาก็คือ คนที่ยังอยู่จะช่วยให้ลูกผ่านช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดนี้ไปได้อย่างไร?

งานวิจัยจากทีมของ Sandler และคณะในปี 2003 ซึ่งติดตามเด็กและวัยรุ่นอายุระหว่าง 7–16 ปี ที่ สูญเสียพ่อหรือแม่ไปจากการเสียชีวิต พบว่า เด็กกลุ่มนี้มีแนวโน้มเผชิญกับปัญหาทางจิตใจ เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และปัญหาพฤติกรรมต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงสองปีแรกหลังการสูญเสีย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ลูกต้องการการประคับประคองจากผู้ใหญ่ใกล้ชิดมากที่สุด

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชเด็กและวัยรุ่นจาก University of Pittsburgh Medical Center สหรัฐอเมริกา ยังพบว่า เด็กที่ไม่ได้รับการดูแลทางจิตใจหลังการสูญเสียพ่อแม่อย่างเหมาะสม มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะโศกเศร้าที่ซับซ้อน (complicated grief) อาจส่งผลต่อพฤติกรรม ความสัมพันธ์ และพัฒนาการทางอารมณ์ในระยะยาวอีกด้วย

ดังนั้น การดูแลเด็กในช่วงเวลาแห่งความสูญเสีย โดยเฉพาะการ สูญเสียพ่อแม่ จึงไม่ใช่เพียงแค่การบอกให้ทำใจหรือรีบเข้มแข็งให้เร็วที่สุด แต่คือการคอยอยู่เคียงข้าง และพร้อมเป็นที่พึ่งทางใจไม่ว่าเขาจะกำลังอ่อนแอแค่ไหนก็ตาม

แล้วถ้าใครคนหนึ่งหายไป คนที่อยู่จะช่วยลูกได้อย่างไรบ้าง?

1. พูดความจริงด้วยความอ่อนโยน ในแบบที่ลูกสามารถเข้าใจได้

LosingParent_web_1

หากในครอบครัวมีคุณพ่อหรือคุณแม่ที่ป่วยด้วยโรคร้ายแรงหรืออยู่กำลังอยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิต สิ่งสำคัญไม่ใช่การพยายามปิดบังความจริงกับลูก แต่คือการค่อยๆ บอกความจริงอย่างอ่อนโยน ในแบบที่ลูกจะสามารถเข้าใจได้โดยไม่รู้สึกหวาดกลัว

คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกใช้คำอธิบายที่เหมาะกับวัย เช่น เปรียบเทียบให้ลูกเข้าใจผ่านภาพหรือสิ่งของที่คุ้นเคย เช่น “ร่างกายของคนเราก็เหมือนบ้านหลังหนึ่ง เมื่อมันเก่าและผุพังมากๆ จนรักษาซ่อมแซมไม่ไหว ร่างกายนั้นก็จะหยุดทำงาน” หรือ “คนที่เรารักอาจจะอยู่กับเราตลอดไปไม่ได้ แต่ความรักของเขายังอยู่กับพวกเราเหมือนเดิมนะ” การใช้เวลา พูดความจริง ไม่ปิดบังสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะช่วยให้ลูกเข้าใจความเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป เมื่อเกิดความสูญเสียขึ้นจริงจะช่วยให้ลูกไม่รู้สึกช็อกหรือตกใจมากเกินไปได้

2. ความเศร้าของลูกลึกซึ้งมากกว่าที่คิด

LosingParent_web_2

ในขณะที่ผู้ใหญ่อาจเศร้าแล้วเงียบ ร้องไห้ หรือแสดงความทุกข์ผ่านคำพูด เด็กกลับอาจแสดงออกผ่านพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น เล่นน้อยลงหรือฝันร้าย เด็กบางคนอาจดูเหมือนไม่เข้าใจการสูญเสียหรือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้คนรอบตัวเข้าใจผิดว่าลูกสามารถปรับตัวได้เอง ทั้งที่จริงลูกอาจกำลังช็อก ตกใจ และสับสนอยู่ลึกๆ

งานวิจัยจากหลายประเทศชี้ให้เห็นว่า เด็กที่ไม่ได้รับโอกาสในการแสดงความรู้สึกในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย อาจเข้าสู่ภาวะโศกเศร้าที่ซับซ้อน ซึ่งภาวะนี้ไม่เพียงส่งผลต่ออารมณ์ แต่ยังส่งผลต่อความมั่นคงภายในใจในระยะยาวอีกด้วย

3. การอยู่กับความเศร้าอย่างปลอดภัย คือการเยียวยาที่แท้จริง

LosingParent_web_3

คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดสามารถเป็นพื้นที่ที่ทำให้เด็กๆ เศร้าได้อย่างปลอดภัย นั่นคือการให้ลูกได้บอกเล่าความรู้สึกที่แท้จริง เพราะบางครั้งการได้อยู่กับความรู้สึกอย่างไม่โดดเดี่ยว ก็นับว่าเป็นก้าวแรกของการเยียวยาจิตใจแล้ว

Robert Neimeyer ผู้เชี่ยวชาญด้านการโศกเศร้าและการค้นหาความหมายจากความสูญเสีย กล่าวไว้ว่า การโศกเศร้าที่สามารถเยียวยาได้นั้น มักเกิดขึ้นจากการที่ผู้สูญเสียสามารถ ‘สร้างความหมายใหม่’ จากสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การลืม แต่คือการเชื่อมโยงความรักนั้นเข้ากับชีวิตที่ยังคงดำเนินต่อไป เช่น การบอกเล่าเรื่องราวของคุณพ่อหรือแม่ให้ลูกฟัง การทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อระลึกถึง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การจมอยู่กับความเศร้า แต่เป็นการอยู่กับความทรงจำอย่างอบอุ่นและอ่อนโยน และทำให้คนที่จากไป ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของความรัก ที่ลูกได้รับอยู่ทุกวัน

4. คนที่ยังอยู่ก็อนุญาตให้ตัวเองเศร้าได้ และไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา

LosingParent_web_4

การสูญเสียคนที่เรารักนั้นเจ็บปวดอย่างที่สุด โดยเฉพาะเมื่อต้องดูแลหัวใจของลูกไปพร้อมกับหัวใจที่บอบช้ำของตัวเอง ในช่วงเวลาแบบนี้ คนที่ยังอยู่อาจรู้สึกเหนื่อย รู้สึกท้อ หรือร้องไห้ออกมาได้ และนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผิดเลย การแสดงความรู้สึกเศร้าอย่างตรงไปตรงมา กลับกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ลูกจะได้รับ ลูกจะเรียนรู้ว่า ความเศร้าไม่ใช่ความอ่อนแอ และการร้องไห้ไม่ได้แปลว่าเราล้มเหลว แต่มันคือการยืนยันว่าความรักยังคงอยู่ แม้ในวันที่เราสูญเสียคนสำคัญไป

5. อย่ารอให้สาย หากเห็นสัญญาณว่าลูกเริ่มไม่ไหว

LosingParent_web_5

บางครั้งความเสียใจอาจไม่ได้แสดงออกมาเป็นคำพูด แต่แอบซ่อนอยู่ในพฤติกรรมเล็กๆ ที่เปลี่ยนไป เช่น ลูกเริ่มเงียบลง ไม่อยากไปโรงเรียน เบื่ออาหาร หรือหลับยากเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณว่าในใจของลูกกำลังร้องขอความช่วยเหลืออย่างเงียบๆ เพราะฉะนั้นการพาลูกไปพบผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยาเด็กหรือจิตแพทย์เด็ก ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องรอให้ทุกอย่างแย่ลงก่อน การได้รับการประเมินและดูแลอย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ลูกฟื้นคืนความมั่นคงทางใจได้เร็วขึ้น

 

อ่านบทความ : เมื่อความสูญเสียเกิดขึ้น จะสอนลูกให้เข้าใจได้อย่างไร
อ้างอิง
cruse.org.uk
pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
thepotential.org

Supinya R.

ชอบอ่านนิยายสยองขวัญ ชอบเขียนไดอารี่ และเป็นคุณแม่จำเป็นในบางเวลา :-)

COMMENTS ARE OFF THIS POST