เด็กกับอาหารและการกิน เป็นเรื่องที่มีแง่มุมหลากหลายให้คุณพ่อคุณแม่ศึกษาหาข้อมูลมาปรับใช้ในการเลี้ยงลูกและครอบครัวของตัวเอง
การ สอนลูกกินอย่างมีสติ (Mindful Eating) หมายถึง การตั้งใจให้อยู่กับการกินและรับรู้ว่าเรากำลังกินอะไรเข้าไป สิ่งที่เรากำลังกินเข้าไปมีประโยชน์ต่อร่างกายแค่ไหน และควรกินเท่าไหร่ถึงจะพอดี
หากคุณพ่อคุณแม่ สอนลูกกินอย่างมีสติ ไม่ใช่ส่งผลดีกับสุขภาพกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างสุขภาพจิตและอารมณ์ที่ดีด้วย เพราะการกินอย่างมีสติจะช่วยให้ลูกมีนิสัยการกินที่ดี และปลูกฝังให้ลูกมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาหารตั้งแต่ยังเล็ก เราจึงรวบรวมเทคนิคดีๆ มาให้คุณพ่อคุณแม่นำไปปรับใช้กับลูกได้ ดังนี้
1. ไม่เร่งรีบลูกขณะกินข้าว
ถ้าเป็นอาหารที่ชอบ เด็กๆ มักลืมการเคี้ยวอาหารช้าๆ และเคี้ยวให้ละเอียด หรือบางครั้งอาจเป็นเพราะห่วงเล่นจนไม่ได้โฟกัสกับการกินอาหารตรงหน้า ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะสำลักอาหาร (choking) ได้
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรลืมที่จะสอนให้ลูกเคี้ยวอาหารช้าๆ เคี้ยวอย่างถูกวิธี เพื่อให้อาหารละเอียดพอที่จะกลืนได้อย่างไม่เป็นอันตราย
2. สอนให้ลูกสังเกตและชื่นชมอาหารตรงหน้า
ก่อนลงมือรับประทานอาหาร คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกสังเกตอาหารในจานว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ลองอธิบายวิธีการทำอาหารนั้นๆ เพื่อให้ลูกรู้สึกชื่นชมและมีความสุขกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ลูกเห็นแตงกวาที่คุณแม่ตั้งใจหั่นให้เล็กเป็นพิเศษสำหรับลูกไหมคะ หรือถ้าเป็นการรับประทานอาหารนอกบ้าน หรืออาหารที่ซื้อมา คุณพ่อคุณแม่อาจลองให้ลูกสังเกตถึงความตั้งใจของคนทำ หรือรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละร้าน เพื่อให้ลูกรู้จักใช้เวลากับอาหารของตัวเองมากขึ้น
3. ชวนลูกรับรสอาหารผ่านการสำรวจ
แทนที่คุณพ่อคุณแม่จะวางจานอาหารบนโต๊ะแล้วปล่อยให้ลูกนั่งกินตามลำพัง ลองชวนลูกมาสำรวจลักษณะ รูปร่างหน้าตา และรสชาติอาหารในจาน ด้วยการชวนลูกสังเกตสีของผักในจาน กลิ่นของอาหารเป็นอย่างไร รสชาติของวัตถุดิบแต่ละชนิด เนื้อสัมผัสเวลาเคี้ยวเป็นอย่างไร เสียงเคี้ยวต่างกันอย่างไร ทั้งหมดนี้นอกจากจะทำให้ลูกสนุกกับการกินมากขึ้น ยังสามารถฝึกให้ลูกมีสติและโฟกัสกับอาหารของตัวเองได้อีกด้วย
4. ทำให้เห็นสำคัญกว่า
การศึกษาเรื่องการกินอาหารอย่างมีสติในปี 2019 ในเมืองอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น พบว่าคุณพ่อคุณแม่ที่มีพฤติกรรมการกินอาหารอย่างมีสติเป็นประจำ จะช่วยให้ลูกฝึกการกินอย่างมีสติได้ดี
อ้างอิง
Withinhealth
roundglassliving
COMMENTS ARE OFF THIS POST