ไม่ใช่แค่แม่ที่มีความสำคัญต่อลูก แต่คนเป็นพ่อ ก็มีความสำคัญต่อพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจของลูกเช่นกัน
สำหรับลูกชาย พ่อคือต้นแบบของการเป็นผู้ชาย เด็กผู้ชายมักมีคุณพ่อเป็นต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็นด้านดีหรือไม่ก็ตาม ในขณะที่เด็กผู้หญิง คุณพ่อคือผู้ชายที่ทำให้ลูกรู้จักคำว่าเพศตรงข้าม
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า คุณแม่ย่อมเลี้ยงลูกได้ดีกว่าคุณพ่อ แต่ Adrienne Burgess ผู้เชี่ยวชาญด้านครอบครัวจาก Fatherhood Institute—สถาบันที่ศึกษาเกี่ยวกับความเป็นพ่อและบทบาทของผู้เป็นพ่อ พบว่า หากให้เวลาคุณพ่อเลี้ยงลูกในระยะเวลาเท่ากับที่คุณแม่เลี้ยง คุณพ่อก็สามารถเลี้ยงลูกได้ดีไม่ต่างจากคุณแม่
นอกจากประสิทธิภาพในการเลี้ยงลูกแล้ว คนส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจผิด เกี่ยวกับการเป็นพ่ออีกหลายข้อ ดังนี้
1. คุณพ่อไม่อยากมีลูกเท่าคุณแม่
คนส่วนมากมักรู้สึกว่า เรื่องอยากมีลูกเป็นหน้าที่ของผู้หญิง แต่ความจริงแล้ว ความรู้สึกอยากมีลูกหรือไม่อยากมีลูก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศสภาพ แต่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความพร้อมและความรู้สึกมั่นใจว่าจะประคับประคองครอบครัวต้อไปได้อย่างมั่นคง
จากการศึกษาพบว่า ร่างกายของผู้หญิงส่วนมากจะมีความพร้อมสำหรับการเป็นแม่ ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นจนถึงอายุ 30 ปี ในขณะที่ความพร้อมทางจิตใจของผู้ชายมักเกิดขึ้นในช่วงอายุ 40 ปี
แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายรู้สึกพร้อมที่จะมีลูกแล้ว ความต้องการที่จะมีลูกก็ไม่ได้มากกว่าหรือน้อยกว่ากันเลย
2. คุณพ่อมักจะดูแลลูกไม่ดีเท่าคุณแม่
มีงานวิจัยตรวจสอบปฏิกิริยาตอบสนองของคุณพ่อและคุณแม่เมื่อลูกร้องไห้พบว่า อัตราการเต้นของหัวใจของคุณพ่อและคุณแม่เต้นถี่ขึ้น ในจังหวะที่ไม่แตกต่างกัน แสดงให้เห็นว่า คุณพ่อห่วงใยและดูแลลูกได้ดีไม่ต่างจากคุณแม่
นอกจากนี้หากให้คุณพ่อเล่นกับลูกหนึ่งชั่วโมง จากนั้นปิดตาคุณพ่อ และพาเด็กหลายๆ คนมาให้คุณพ่อจับมือ คุณพ่อจะสามารถรู้ได้ทันทีเลยว่าเด็กคนไหนเป็นลูกของตัวเอง นั่นหมายถึงคุณพ่อมีสัญชาติญาณในการดูแลลูก เช่น เล่นกับลูกเล็กด้วยความอ่อนโยน แสดงความรัก และความห่วงใยลูก ไม่น้อยกว่าสัญชาตญาณที่คุณแม่มีต่อลูกเช่นกัน
3. ลูกไม่คุ้นเคยกับพ่อ เพราะพ่อต้องทำงานนอกบ้านและไม่มีเวลาให้
จริงอยู่ที่ครอบครัวส่วนมาก คุณพ่อมักจะรับหน้าที่ออกไปทำงานนอกบ้าน และมีเวลาหลังจากกลับบ้านมาอยู่กับลูกเฉลี่ยวันละสองชั่วโมง คุณพ่อส่วนมากจึงถอดใจว่าลูกไม่มีทางคุ้นเคยกับตัวเองเท่ากับคุณแม่ หรือคนอื่นในบ้าน
แต่ความจริงแล้ว ถึงจะมีเวลาอยู่กับลูกไม่มาก คุณพ่อสามารถทำสองชั่วโมงให้เป็นเวลาคุณภาพได้ ยกตัวอย่างเช่น วางโทรศัพท์มือถือเอาไว้ให้ไกลที่สุดแล้วเอาหนังสือนิทานมาอ่านให้ลูกฟัง นั่งดูโทรทัศน์และกอดลูกไปด้วย กินข้าวและพูดคุยกัน หรือหาโอกาสไปเที่ยวนอกบ้านให้บ่อยเท่าที่จะทำได้
4. คุณพ่อช่วยอะไรไม่ได้มาก และทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันไม่ได้
จริงๆ แล้วคุณพ่อมีส่วนสำคัญในการดูแลลูกตั้งแต่อยู่ในท้องคุณแม่ด้วยการดูแลคุณแม่ให้มีความสุข เพราะเมื่อคุณแม่มีความสุขก็จะส่งผลต่อพัฒนาการของลูกตั้งแต่ในท้อง
นอกจากนี้หากให้เวลาคุณพ่อได้อยู่กับลูก และได้เรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลลูก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชงนม เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือเล่นกับลูก คุณพ่อก็จะสามารถทำได้ดีไม่ต่างจากคุณแม่
เพราะฉะนั้น ขอให้คุณพ่อทั้งหลายมั่นใจในตัวเองเข้าไว้ รับรองว่าการเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือเรื่องยากเกินไปสำหรับคนเป็นพ่อแน่นอน!
COMMENTS ARE OFF THIS POST