READING

รู้ว่าไม่ตั้งใจ แต่ว่าคุณแม่เพิ่งคลอดไม่อยากได้ยิน...

รู้ว่าไม่ตั้งใจ แต่ว่าคุณแม่เพิ่งคลอดไม่อยากได้ยินอะไรแบบนี้

หลังจากติดตามการตั้งครรภ์ของเพื่อนหรือญาติสนิทมาจนถึงเวลาที่เจ้าตัวเล็กจะได้ออกมาลืมตาดูโลก ก็รีบจัดแจงหาของฝากของเยี่ยมไปหาไปทักทายคุณแม่มือใหม่ อยากจะเห็นหน้าหลานคนล่าสุดให้ชื่นใจสักหน่อย

แต่เดี๋ยวก่อน… ถ้าคุณกำลังมีแพลนจะไปเยี่ยมคุณแม่เพิ่งคลอดแล้วละก็ อยากให้เข้าใจว่า อารมณ์และจิตใจของคุณแม่เพิ่งคลอดนั้นกำลังอ่อนไหว ไหนจะเป็นเพราะสภาพร่างกายและฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงสภาพจิตใจที่เต็มไปด้วยความกังวลอีกตั้งมาก

ดังนั้น ในฐานะคนที่ตั้งใจไปเยี่ยมด้วยเจตนาดีเต็มเปี่ยม ถ้าอยากช่วยกันประคับประคองจิตใจและอารมณ์ของคุณแม่มือใหม่ ก็อย่าทำให้คุณแม่ต้องรู้สึกไม่ดีเพราะคำพูดเหล่านี้เลย

1. ทำไมลูกหน้าไม่เหมือนพ่อหรือแม่เลย

sensitivemombirth_web_1

ที่จริงก็เป็นเรื่องยากที่เราจะมองหน้าทารกแรกคลอดแล้วตัดสินได้ว่า หน้าเหมือนพ่อหรือแม่ตั้งแต่แรกเห็น บางครั้งตัวคุณพ่อคุณแม่เองก็ยังดูไม่ออกด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นถ้าคุณมองไม่ออกว่าเด็กหน้าเหมือนใคร ก็ไม่ควรเอ่ยปากทักออกมาอย่างนั้น

ลองเปลี่ยนเป็น: ชื่นชมความน่ารักและข้อดีของเด็ก เช่น ‘ลูกน่ารักจัง’ ‘ลูกแข็งแรงเพราะคุณแม่ดูแลดีแน่ๆ’ ได้ยินแบบนี้แล้วคุณแม่มือใหม่ก็ย่อมมีกำลังใจมากขึ้นเป็นธรรมดา

2. ลูกตัวเหลืองจังเลย ไม่สบายหรือเปล่า

sensitivemombirth_web_2

ที่จริงแล้ว อาการตัวเหลือง เป็นภาวะที่พบได้ทั่วไปในเด็กแรกเกิดหรือเด็กคลอดก่อนกำหนด สาเหตุเกิดจากการมีสารบิลิรูบิน (bilirubin) หรือสารที่ให้สีเหลืองในเลือดสูงเกินไป และไม่เป็นอันตรายกับเด็ก หากไม่ได้มีอาการนานเกิน 3 สัปดาห์ขึ้นไป (ที่มา)

เพราะฉะนั้น คนที่ไปเยี่ยมจึงไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกหรือรีบทักถึงอาการตัวเหลืองของเด็กให้คุณแม่เพิ่งคลอดต้องเป็นกังวล

ลองเปลี่ยนเป็น: ถ้าคุณสังเกตเห็นความผิดปกติในตัวเด็กจริงๆ ลองเปลี่ยนไปถามจากคุณหมอหรือพยาบาลที่ดูแลแทนที่จะถามจากคุณแม่ตรงๆ จะดีกว่า

3. นมแม่มาหรือยัง, มีนมให้ลูกกินหรือยัง

sensitivemombirth_web_3

ประโยคที่เป็นการแสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยธรรมดา แต่สำหรับคุณแม่เพิ่งคลอด หลายคนมีความตั้งใจจะให้ลูกได้กินน้ำนมของตัวเองตั้งแต่แรกเกิด แต่ยิ่งกังวลหรือพยายามกดดันตัวเอง ก็ยิ่งทำให้คุณแม่ไม่มีน้ำนมออกมาอย่างที่ตั้งใจ

ลองเปลี่ยนเป็น: ถ้าเป็นไปได้ลองเปลี่ยนคำถามเชิงกดดันนั้นเป็นการให้กำลังใจและแสดงความห่วงใยในตัวคุณแม่แทน เช่น เจ็บมากไหม กินข้าวได้ไหม อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า เท่านี้ก็เป็นการแสดงความหวังดีและห่วงใยที่ไม่กดดันคุณแม่มากเกินไปแล้วค่ะ

4. คุณแม่น้ำหนักลดลงไปกี่กิโลฯ 

sensitivemombirth_web_4

น้ำหนักตัวเป็นเรื่องเซนซิทีฟสำหรับผู้หญิงทุกคน ร่างกายที่เปลี่ยนไปช่วงตั้งครรภ์ก็ทำให้คุณแม่ทั้งหลายมีความกังวลใจลึกๆ ว่าหลังคลอดแล้วจะกลับมามีรูปร่างเหมือนเดิมได้หรือไม่ แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาค่ะ ใช่ว่าคลอดปุ๊บทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติปั๊บ เพราะฉะนั้น การพยายามถามถึงน้ำหนักและรูปร่างของคุณแม่แรกคลอด จึงเป็นเรื่องไม่จำเป็น

ลองเปลี่ยนเป็น: ให้กำลังใจ ชื่นชม หรือถามความรู้สึกหลังคลอด เช่น คุณแม่หน้าตาสดใสจัง, คุณแม่แข็งแรงมาก ถึงฟื้นตัวเร็วอย่างนี้ หรือตอนได้ยินเสียงลูกรู้สึกอย่างไรบ้าง แบบนี้จะทำให้คุณแม่มีเรื่องอยากเล่าอยากคุยให้คุณฟังอีกมากเลยทีเดียว

5. ค่าคลอดเท่าไร, ทำไมไม่ไปคลอดที่โรงพยาบาลนั้นนะ…

sensitivemombirth_web_5

คุณแม่ทุกคนย่อมพยายามเลือกโรงพยาบาลที่คิดว่าดีและเหมาะกับตัวเองที่สุดในการฝากครรภ์และฝากฝังให้คุณหมอคนไหนดูแลตัวเองกับลูกในท้องไปจนถึงวันคลอด ดังนั้นการตำหนิหรือวิจารณ์โรงพยาบาลที่คุณแม่เลือก ย่อมทำให้คุณแม่รู้สึกถูกตำหนิไปด้วย

ส่วนการพูดถึงค่าใช้จ่าย ถ้าไม่ใช่คนสนิทหรือการถามเพื่อเป็นข้อมูลความรู้ของตัวเอง ก็ไม่ใช่มารยาทที่ดีเท่าไรนัก ปล่อยให้เรื่องการใช้เงินฝากครรภ์และทำคลอดเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณแม่และครอบครัวของเขาไปจะดีกว่า

ลองเปลี่ยนเป็น: มีคำถามมากมายที่สามารถแสดงความเป็นห่วง และเปิดโอกาสให้คุณแม่ได้ระบายความไม่สบายใจของตัวเองออกมา เช่น คุณหมอและพยาบาลที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง สิ่งอำนวยความสะดวกโอเคไหม ต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่า

 

รู้อย่างนี้แล้ว เราก็เตรียมของขวัญไปเยี่ยมเจ้าตัวเล็กได้อย่างสบายใจ ว่าจะไม่เผลอพูดอะไรให้คุณแม่มือใหม่ต้องคิดมากแล้วล่ะ

 

 

อ้างอิง
Maerakluke
สตรีมีคลาส
เลี้ยงลูกตามใจหมอ

Pitchaya T.

ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเป็นของขวัญจากธรรมชาติ ที่ช่วยยืนยันว่ามนุษย์คนนี้คือเด็ก :)

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST