เมื่อเจ้าโควิด-19 จอมวายร้ายกลับมา ก็พาให้ทุกคนกลับสู่เทศกาลอยู่บ้านกับลูกกันอีกครั้ง แม้จะมีประสบการณ์กันมาแล้วจากเมื่อครั้งก่อน จนทำให้เก่งกันขึ้นบ้าง แต่พอทุกอย่างมารวมกัน ทั้งงาน งานบ้าน และลูก ก็ทำเอาคุณพ่อคุณแม่หลายบ้านปวดหัวกันอยู่ไม่น้อย
ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้เราอยากชวนพ่อแม่มาผ่อนคลาย กับบทเพลงที่เข้ากับสถานการณ์เป็นอย่างดี รับรองว่า ฟังแล้วอิน ฟินติดชาร์ตแน่นอน

จากเดิมที่ว่ารักกันอยู่แล้ว แต่พอต้องมาอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน ก็ดูเหมือนกับว่าลูกน้อยจะยิ่งรักคุณพ่อคุณแม่เป็นพิเศษ ตามติดดั่งเงาตามตัว ไม่ว่าจะทำอะไร ไปที่ไหน ก็จะมีพลังงานบางอย่างคอยเคลื่อนตามเราไปทุกแห่ง
จนแม่อาจจะอยากร้องว่า พักก่อนนนน

ในเวลาปกติ ทั้งคุณพ่อคุณแม่และเด็กๆ ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกเดินทางไปโรงเรียนและทำงาน แต่ในช่วงที่ทำงานและเรียนกันที่บ้าน ก็สามารถตื่นสายได้อีกซักหน่อย เพราะได้เวลาบนท้องถนนคืนมาเป็นเวลานอน
แต่… ดูเหมือนว่าลูกรักจะขยันตื่นมากกว่าวันไปเรียนเสียอีกนี่น่ะสิ ลุกขึ้นมาปลุกคุณพ่อคุณแม่กันแต่เช้า จนพ่อแม่อยากร้องขอชีวิต
แต่ไหนๆ ก็ตื่นเช้า ลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน เล่นกันกับลูกนิดหน่อย ออกมาดูแลต้นไม้ ชงกาแฟ ทำอาหารเช้ากินกันช้าๆ ก็เป็นการเริ่มต้นวันที่ดีไม่เบานะคะ

สำหรับเจ้าตัวเล็กวัยหัดปีน หัดเดิน ในระหว่างวันที่คุณแม่วุ่นๆ กับการทำงานบ้าน ก็ให้ลูกเล่นในคอกกั้นของตัวเองไปก่อน แต่สำหรับเด็กๆ แล้ว คอกกั้นเป็นเหมือนภารกิจท้าทายความสามารถ ที่พวกเขาอยากจะเอาชนะให้ได้ ที่รุ่นพี่คุณแม่หลายคนบอกว่า ลูกปีนเก่ง ส่วนใหญ่ก็เริ่มต้นจากการปีนคอกกั้นนี่แหละค่ะ
แต่คุณแม่คงอยากจะบอกว่า อยู่ในคอกก่อนเถอะลูก ขอแม่ทำงานบ้าง…

ทำงานอยู่ดีๆ หันไปอีกทีทำไมสีเต็มบ้าน
เด็กๆ กับการขีดเขียนเป็นของคู่กันนะคะ เพราะการเขียนทำให้เด็กๆ ได้บริหารกล้ามเนื้อมัดเล็ก ปลดปล่อยความคิดและพลังงานคั่งค้างออกไปผ่านการวาด… เอิ่ม เรียกว่าละเลงดีกว่า จึงเป็นเรื่องดีที่ที่บ้านควรจะมีมุมเล็กๆ ที่มีอุปกรณ์สำหรับวาดภาพระบายสี เตรียมไว้ให้เด็กๆ ได้ใช้เมื่อเขาต้องการ เพื่อเป็นการกำหนดพื้นที่ให้เขารู้ด้วยว่า นี่คือพื้นที่ที่เด็กๆ สามารถเล่นอิสระและเลอะเทอะได้ตามใจ ขีดเขียนได้เต็มที่ ผนังนี้แม่มอบให้แล้ว แต่หากเป็นผนัง หรือส่วนอื่นๆ ของบ้าน เด็กๆ ก็จะต้องยั้งใจไม่ละเลงสีลงบนนั้น เพราะจะทำให้บ้านเลอะเทอะและข้าวของเสียหาย คุณแม่สามารถทำข้อตกลงกับเด็กๆ เอาไว้ได้ค่ะ

สำหรับบ้านที่มีลูกอยู่ในวัยเข้าโรงเรียน น่าจะกำลังเผชิญการ ‘เรียนออนไลน์’ กับลูกๆ กันอยู่ และด้วยความที่เด็กวัยอนุบาล-ประถมต้น อาจจะยังดูแลตัวเองได้ไม่ดีมากนัก ผู้ใหญ่ในบ้านจึงต้องรับบทหนัก ในการช่วยจัดการการเรียนออนไลน์ของลูก
หลายโรงเรียนนอกจากจะแค่นั่งเฝ้าหน้าจอเพื่อพูดคุยกับคุณครูและเพื่อนๆ ยังมีตารางสอนส่งมาให้แบบเต็มเอี้ยดตลอดทั้งวัน มีการบ้านวันละหลายชิ้น ทำเอาคุณพ่อคุณแม่เอามือก่ายหน้าผากกันเลยทีเดียว
หากคุณพ่อคุณแม่มองว่ามันดูจะเยอะและหนักไปซักหน่อยสำหรับลูกของเรา อาจจะลองคุยกับคุณครูเพื่อแจ้งเป้าหมายและความต้องการของครอบครัวว่าเป็นแบบนี้ เพราะหากเมื่อไหร่ที่การเรียนออนไลน์ทำให้เด็กๆ เกิดความเครียดมากเกินไป ทั้งต่อเนื้อหาวิชาเรียน ต่อคุณครู และกระทบต่อความสัมพันธ์กับคุณพ่อคุณแม่ ที่ต้องกลายมาเป็นคุณครูจำเป็น ความรู้ที่ได้มา อาจไม่คุ้มค่ากับทัศนคติที่เด็กมีต่อการเรียนรู้ที่สูญเสียไปก็ได้
ขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกบ้านค่ะ

ช่วงนี้อากาศเย็นสบาย หลายบ้านที่เด็กๆ เคยนอนเตียงตัวเอง ก็จะชอบมาอ้อนขอนอนกับคุณพ่อคุณแม่ด้วย ก็หนูหนาวนี่นา…
ซึ่งการได้นอนกอดลูกมันก็ดีอยู่หรอก แต่ว่า เหลือที่ให้พ่อกับแม่นอนบ้างได้ไหมลูก

เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง ที่ทุกอย่างประดังประเดกันเข้ามา เราเชื่อว่า คุณแม่หลายคนอยากจะกรีดร้องออกมาเป็นหลายภาษา
แต่ใจที่อีกฝั่ง คุณแม่เองก็คงอยากจะข่มอารมณ์ร้อนๆ นั้นให้เย็นลง มีเทคนิคมากมาย ทั้งหารหายใจเข้าออกให้ลึกๆ เปิดเพลงที่ผ่อนคลายฟัง เดินหลบไปพูดคุยกับต้นไม้ใบหญ้าสักพัก ก่อนจะกลับมาด้วยใจที่สงบสันติ พร้อมเล่นกับลูกได้อีกครั้ง
สู้ๆ ค่ะคุณแม่

ไม่มีใครทำนายได้ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเจ้าโควิด-19 จะดีเมื่อไหร่ เราทุกคนจะออกไปใช้ชีวิตกันเหมือนเดิมได้ไหม แต่ในระหว่างนี้ ก็อยากให้ทุกคนใช้เวลาที่มีร่วมกันในบ้านให้คุ้มค่า ให้เต็มที่ เติมพลังใจให้กันและกันในวันที่มีปัญหา อาจจะลำบากไปบ้าง ทุกข์บ้าง สุขบ้าง แต่เราก็ร่วมทั้งทุกข์และสุขนั้นไปด้วยกัน
เพราะอย่างไร การอยู่ด้วยกันในครอบครัว ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดแล้ว
COMMENTS ARE OFF THIS POST