แต่ละครอบครัวย่อมมีเทคนิคและวิธีการเลี้ยงลูกที่แตกต่างกันและหลายบ้านก็มี ความเชื่อในการเลี้ยงลูก ที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าถึงคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น หลายความเชื่อได้รับการยืนยันว่าเป็นทฤษฎีที่ขาดเหตุผลรองรับ เป็นความเชื่อผิดๆ ที่บอกต่อกันมา และควรได้รับการแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อลูกน้อย
ดังนั้น เราจึงชวนคุณพ่อคุณแม่มาอัปเดต ความเชื่อในการเลี้ยงลูก และแก้ไขเรื่องเข้าใจผิดที่เชื่อและบอกต่อกันมา เพื่อให้การเลี้ยงลูกยุคใหม่เป็นไปอย่างมีคุณภาพกันดีกว่าค่ะ
1. ดัดขาลูกเพื่อป้องกันขาโก่ง
คุณพ่อคุณแม่อาจจะเคยได้ยินญาติผู้ใหญ่แนะนำให้ ทำการดัดขาลูกตั้งแต่ยังเล็กหรือตอนเป็นทารก เพราะเชื่อว่าการดัดขาจะทำให้ขาลูกเข้าที่และไม่โก่งงอเมื่อโตขึ้น แต่ความจริงแล้ว ทารกมักจะขาโก่งในช่วงแรกเกิด ซึ่งเป็นสรีระตามธรรมชาติของทารกตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ และขาจะปรับรูปร่างไปตามกายภาพร่างกายของลูกเมื่อโตขึ้น
นอกจากนั้น การดัดขาลูกในวัยเด็กยังเป็นเรื่องอันตรายที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เนื่องจากกระดูกของเด็กเล็กหรือทารกนั้นอ่อนและเปราะบางมาก หากคุณพ่อคุณแม่พยายามดัดหรืองอขาลูก อาจทำให้ลูกได้รับบาดเจ็บจากกระดูกแตกหรือหักได้
2. อยากให้ลูกเดินได้เร็วๆ ต้องใช้รถหัดเดิน
ในยุคสมัยหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่นิยมให้ลูกใช้รถหัดเดิน เพราะเชื่อว่าจะทำให้ลูกหัดเดินได้เร็วขึ้น แต่ความจริงแล้วการฝึกเดินด้วยรถหัดเดิน จะทำให้ลูกพยายามใช้น้ำหนักตัวโน้มไปข้างหน้า และลูกจะลงน้ำหนักเท้าไปที่ปลายนิ้ว มากกว่าการฝึกเดินตามธรรมชาติ ที่ควรจะลงน้ำหนักด้วยส้นเท้าก่อนเสมอ ดังนั้นการใช้รถฝึกเดินมากเกินไป จะทำให้ลูกไม่ได้เรียนรู้เรื่องการทรงตัว เดินสะเปอะสะปะ และยังเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายอีกด้วย
3. ลูกเริ่มพูดช้า แปลว่าลูกไม่ฉลาด
คุณพ่อคุณแม่มักจะไม่สบายใจเมื่อเห็นว่าลูกยังไม่เริ่มพูด ในขณะที่เด็กอายุใกล้เคียงหรือน้อยกว่าลูกเริ่มพูดและสื่อสารเป็นคำได้ เพราะกังวลว่าการมีพัฒนาการล่าช้า จะแปลว่าลูกเป็นเด็กไม่ฉลาด หรือ IQ น้อยกว่าเด็กคนอื่น
แต่เราอยากให้ปรับความเข้าใจเสียใหม่ เพราะพัฒนาการไม่ได้มีผลโดยตรงต่อสติปัญญา ความฉลาด หรือ IQ ของลูก แต่การพูดช้าหรืออาจเกิดจากความผิดปกติของร่างกาย วิธีการเลี้ยงดู หรือปัญหาที่เกิดจากจิตใจและอารมณ์
ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าลูกเริ่มพูดได้ช้า หรือมีพัฒนาการล่าช้าเมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกันแล้วละก็ อย่าเพิ่งกลัวว่าลูกจะไม่ฉลาดนะคะ ลองกลับมาย้อนดูปัจจัยอื่นๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกอย่างถูกต้อง ลูกก็จะสามารถเรียนรู้ พัฒนาทักษะ ไหวพริบ และความฉลาดทางปัญญาและอารมณ์ได้ในที่สุด
4. ไม่พูดชมลูก เพราะกลัวลูกเอาแต่ใจ
พ่อแม่หลายคนกลัวว่าการชื่นชมลูกบ่อยๆ จะทำให้ลูกรู้สึกได้ใจ หลงตัวเอง และเอาแต่ใจตัวเอง จึงทำให้พยายามสงวนท่าที ไม่แสดงความชื่นชมหรือยินดีเมื่อลูกทำอะไรสำเร็จ แต่ความจริงแล้ว การพูดชื่นชมลูกบ่อยๆ หากทำอย่างถูกต้องและเหมาะสม เช่น กล่าวชื่นชมทันที บอกเหตุผลของการชื่นชม และไม่รอชมเมื่อลูกทำสำเร็จเท่านั้น ก็จะช่วยเป็นกำลังใจทำให้ลูกรู้สึกกล้าคิด กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ มีกำลังใจ และมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นอีกด้วย
5. นมแม่ไม่ทำให้ฟันผุ
คุณแม่ส่วนมากมักจะให้ลูกกินนมก่อนนอน แม้ในวัยที่ลูกเริ่มมีฟันน้ำนมขึ้นแล้ว เพราะความเชื่อที่ว่านมแม่ไม่ทำให้ฟันลูกผุ แต่ความจริงแล้ว ทันตแพทย์ระบุว่าการที่เด็กเล็กมีอาการฟันผุส่วนหนึ่งเกิดจากที่คุณแม่ให้ลูกกินนมแม่ก่อนนอนและหลับไปโดยไม่ได้แปรงฟัน
ดังนั้น หากคุณแม่ยังให้ลูกวัยฟันน้ำนมเข้าเต้าหรือกินนมแม่ก่อนนอน ก็อย่าลืมแปรงฟันให้ลูกเพื่อทำความสะอาดช่องปากลดการเกิดฟันผุด้วยนะคะ
อ่านบทความ: 6 ความเชื่อของปู่ย่าตายาย ที่ชวนให้สงสัยว่า เอ๊ะ! จริงเหรอ?!
COMMENTS ARE OFF THIS POST