พ่อแม่ทุกคนย่อมอยากให้ลูกเติบโตอย่างมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน รู้ว่าตัวเองชอบ-ไม่ชอบอะไร มีความถนัดด้านไหนเป็นพิเศษ เพื่อที่จะได้เตรียมความพร้อมและส่งเสริมความถนัดของลูกตั้งแต่ยังเล็ก
แต่ความเป็นจริง เด็กส่วนมากอาจยังไม่รู้ความชอบหรือความถนัดของตัวเองได้ในเวลาอันสั้น ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกกังวลใจว่า ลูกไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร จะทำให้เสียเวลาและเสียโอกาสพัฒนาตัวเองไปโดยเปล่าประโยชน์
สิ่งสำคัญก็คือคุณพ่อคุณแม่ควรเข้าใจว่าการที่ ลูกไม่รู้จักตัวเอง หรือไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่วัยเด็ก ไม่ใช่ตัวกำหนดความสำเร็จหรือล้มเหลวในอนาคต แต่การที่คุณพ่อคุณแม่ให้เวลาและเปิดโอกาสให้ลูกได้ลองทำอะไรหลากหลาย และพร้อมที่จะส่งเสริมลูกอยู่เสมอต่างหาก ที่จะช่วยให้ลูกมีกำลังใจในการค้นหาศักยภาพของตัวเองต่อไป
1. เข้าใจธรรมชาติของเด็ก ไม่ต้องมีความฝันหรือเป้าหมายตั้งแต่วันนี้ก็ได้

เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการและวิธีคิดที่แตกต่างกัน บางคนอาจรู้ว่าตัวเองชอบอะไรตั้งแต่อายุยังน้อย ในขณะที่บางคนอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการค้นหาตัวเอง ดังนั้น การที่ลูกยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร ไม่รู้ความถนัดหรือสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกจะไม่สามารถประสบความสำเร็จในชีวิต เพียงแต่ลูกอาจต้องใช้เวลาในการค้นหาตัวเองต่อไปก็เท่านั้น
อีกหนึ่งสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำความเข้าใจก็คือ เป้าหมายของลูกอาจไม่ได้มาในรูปแบบของอาชีพที่ชัดเจนเสมอไป แต่อาจเป็นการให้ความสนใจบางอย่างมากเป็นพิเศษ เช่น ชอบช่วยเหลือสัตว์ ชอบการช่วยเหลือผู้อื่น การประดิษฐ์สิ่งของ หรือการเล่าเรื่องราว ซึ่งความสนใจเหล่านี้สามารถพัฒนาไปสู่อาชีพที่หลากหลายในอนาคตได้
2. เปิดโอกาสให้ลูกสำรวจโลกและตัวเอง

เด็กที่ไม่รู้จักตัวเองหรือยังค้นหาศักยภาพของตัวเองไม่เจอ อาจเป็นเพราะเขายังไม่ได้ลองทำอะไรที่หลากหลายมากพอ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้คือการสร้างโอกาสให้ลูกได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ลูกค้นพบสิ่งที่สนใจมากขึ้น เช่น การวาดภาพ การเล่นดนตรี การทำอาหาร การเขียนโปรแกรม การเล่นกีฬา หรือแม้แต่การทำงานอาสาสมัคร การที่เด็กได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ จะช่วยให้ลูกรู้ว่าอะไรที่ทำแล้วรู้สึกสนุกและมีความสุขนั่นเอง
3. ใช้คำถามช่วยให้ลูกค้นหาความสนใจของตัวเอง

ผู้ใหญ่หลายคนชอบตั้งคำถามให้เด็กๆ ตอบว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” ซึ่งเป็นคำถามที่กว้างและเร็วเกินไปที่เด็กๆ จะตัดสินใจได้ ทำให้เด็กเลือกตอบไปตามสถานการณ์และประสบการณ์เท่าที่มี ส่วนเด็กที่ยังไม่มีคำตอบก็อาจรู้สึกกดดันที่ตอบคำถามไม่ได้
หากเป็นไปได้ คุณพ่อคุณแม่ลองเปลี่ยนคำถามจาก “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” มาเป็นคำถามที่ช่วยให้ลูกรู้จักตัวเองมากขึ้น เช่น ลูกชอบทำอะไรเวลาว่าง อะไรที่ทำให้ลูกมีความสุข ก็จะช่วยให้ลูกได้คิดทบทวนเกี่ยวกับความชอบและความถนัดของตัวเองมากขึ้น
4. สอนให้ลูกเรียนรู้จากประสบการณ์มากกว่าการมุ่งหาเป้าหมายเพียงอย่างเดียว

อีกปัจจัยที่ส่งผลให้ลูกไม่รู้จักตัวเองและไม่มีเป้าหมายก็คือ การที่ลูกไม่เคยสัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลายและใช้เวลากับสิ่งนั้นมากพอที่จะรู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบกันแน่
เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญกว่าการมีเป้าหมายก็คือการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกเปิดใจลองทำสิ่งใหม่ๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นทางเลือกที่ถูกหรือผิด หรือคาดหวังว่าเมื่อลงมือทำแล้วจะต้องหมกมุ่นและอยู่กับสิ่งนั้นไปตลอด แต่การเปิดโอกาสให้ลูกได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างไม่กดดันต่างหากที่ขะช่วยให้ลูกสามารถค้นพบเส้นทางของตัวเองในที่สุด
COMMENTS ARE OFF THIS POST