ความรัก ความหวังดี เอาใจใส่ และทนุถนอมลูกเป็นสัญชาตญาณพื้นฐานของคุณพ่อคุณแม่ ที่ดีต่อการเติบโตและพัฒนาการของลูก แต่หากคุณพ่อคุณแม่ทนุถนอม ปกป้อง และเอาใจใส่ลูกมากเกินไป อาจเป็นดาบสองคมที่ทำให้ พ่อแม่ชอบตีกรอบ ลูกโดยไม่รู้ตัวได้
คุณพ่อคุณแม่ส่วนมากเข้าใจว่า การดูแลใกล้ชิด คอยให้ความช่วยเหลือ และปกป้องลูกเสมือนไข่ในหิน จะช่วยให้ลูกเติบโตได้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพมากขึ้น
แต่ความจริงแล้ว ลูกที่มี พ่อแม่ชอบตีกรอบ ไม่ว่าจะเป็นผลจากความรักและหวังดีแค่ไหนก็ตาม ก็อาจส่งผลเสียต่อลูกได้ ดังนี้
1. ลูกเครียดง่ายและขี้วิตกกังวล
คุณพ่อคุณแม่ที่มีกรอบในการเลี้ยงลูกมักกลัวว่าถ้าลูกไม่อยู่ในกรอบการเลี้ยงดูที่วางไว้ จะทำให้ลูกเกิดอันตราย ผิดพลาด และล้มเหลว จนกลายพ่อแม่ที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงมากกว่าการระมัดระวัง
ความหวาดระแวงจะทำให้คุณพ่อคุณแม่คอยห้ามคอยเตือนพ่อไม่ให้ลูกทำกิจกรรมต่างๆ เพราะกลัวเสี่ยงอันตราย ทำให้ลูกเป็นคนขี้วิตกกังวลตามไปด้วย เมื่อลูกได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองโดยไม่มีพ่อแม่ ลูกจะติดนิสัยหวาดกลัวและระแวงเกินไปได้
2. ลูกแก้ไขปัญหาไม่เก่ง
พ่อแม่ที่ตีกรอบและปกป้องลูกมากเกินไป จะพยายามช่วยลูกแก้ไขปัญหาด้วยการคิดและตัดสินใจแทนลูกทุกเรื่อง เพราะอยากให้ลูกแก้ปัญหาได้เร็วที่สุด ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่นั่นอาจเป็นการบั่นทอนทักษะการตัดสินใจและแก้ไขปัญหาของลูก และเป็นการปิดกั้นอิสระทางความคิดของลูกด้วย
เมื่อลูกไม่เคยได้ลองฝึกฝนทักษะการแก้ปัญหา เมื่อเจออุปสรรคใหญ่ในชีวิตโดยไม่มีพ่อแม่ ลูกจะตัดสินใจไม่เฉียบขาด ไม่กล้าตัดสินใจ หวาดระแวงที่จะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง อาจทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ง่าย ลูกคิดหนีปัญหา และยังส่งผลให้ลูกมีภูมิต้านทานในชีวิตน้อยกว่าคนอื่นอีกด้วย
3. ลูกกลัวความล้มเหลว
การปกป้องและคอยให้ความช่วยเหลือลูกอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องดี แต่การไม่เปิดโอกาสให้ลูกได้สัมผัสความผิดพลาด อาจทำให้ลูกไม่ได้เรียนรู้ผิดหวัง ล้มเหลว ไม่ยอมรับผิด และเมื่อเกิดความผิดพลาดล้มเหลวก็จะรู้สึกแตกสลายและไม่ให้อภัยตัวเอง
4. ลูกขาดทักษะการเข้าสังคม
การปกป้อง ตีกรอบ และถนอมลูกเหมือนไข่ในหิน จะทำให้ลูกขาดทักษะในการปรับตัวเข้าสังคมเกิดความกลัวเมื่อต้องพบปะสังคมใหม่ๆ ลูกจะรู้สึกไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ เพราะลูกมักระแวงเกินไป และมองว่ากิจกรรมต่างๆ อาจก่อให้เกิดอันตรายกับตัวเอง ทำให้ลูกปรับตัวเข้ากับสังคมและผู้อื่นได้ยาก จนไปถึงการทำให้ลูกไม่มีเพื่อนที่ไว้ใจได้
5. ลูกเสพติดความสมบูรณ์แบบ
พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกแบบไข่ในหินมักอยากให้ลูกทำทุกอย่างได้ดีแบบไร้ข้อผิดพลาด จนในบางครั้งอาจแสดงอาการไม่พึงพอใจ หรือรีบแก้ไขความผิดพลาดของลูกมากจนเกินไป ซึ่งสะท้อนให้ลูกเห็นว่าพ่อแม่อยากให้ลูกสมบูรณ์แบบตลอดเวลา ลูกจึงเสพติดความสมบูรณ์แบบ เพราะไม่อยากทำให้พ่อแม่ไม่พอใจหรือผิดหวัง
นอกจากนั้น เด็กที่ยึดติดความสมบูรณ์แบบจะกลัวความผิดพลาด ขี้วิตกกังวล ไม่ยืดหยุ่นในการแก้ไขปัญหา และไม่รู้จักให้อภัยตัวเองเมื่อล้มเหลวอีกด้วย
COMMENTS ARE OFF THIS POST