ในยุคที่ความสำเร็จเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญมากกว่าอะไรหลายอย่างในชีวิต คุณพ่อคุณแม่ส่วนมากจึงพยายามส่งเสริมให้ลูกพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน
แต่การเลี้ยงดูและปลูกฝังเช่นนั้น อาจทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองต้องเก่งกว่า ดีกว่า และประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่น จนกลายเป็นการส่งเสริมให้ ลูกยึดติดความสำเร็จ จนกระทบต่อความสุขของตัวเอง
แม้การส่งเสริมให้ลูกมีความมุ่งมั่นและพยายาม เพื่อการประสบความสำเร็จจะเป็นสิ่งที่ดี แต่หาก ลูกยึดติดความสำเร็จ และต้องการเป็นที่หนึ่งตลอดเวลา อาจนำไปสู่ความเครียด กดดัน และกลัวความล้มเหลว คุณพ่อคุณแม่จึงควรสอนให้ลูกมีมุมมองต่อความสำเร็จอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ลูกเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จโดยยังคงมีความสุขกับสิ่งที่ทำต่อไป
1. สอนให้ลูกเข้าใจและยอมรับความล้มเหลว

เด็กที่ยึดติดการเป็นที่หนึ่ง มักกลัวความผิดพลาดและล้มเหลว แต่หากเลี่ยงไม่ได้ ความผิดพลาดนั้นก็จะกระทบต่อจิตใจอย่างมาก
คุณพ่อคุณแม่จึงควรสอนให้ลูกเข้าใจว่าความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ คุณพ่อคุณแม่ควรสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้ลูกรู้สึกว่าการผิดพลาดไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเกินไป แต่เป็นโอกาสในการพัฒนาตัวเอง ถ้าลูกทำอะไรพลาด แทนที่จะตำหนิหรือทำให้ลูกรู้สึกแย่ ควรช่วยให้ลูกมองเห็นข้อดีของสถานการณ์ เช่น “ครั้งนี้อาจยังไม่สำเร็จ แต่ลูกก็ได้เรียนรู้ว่า…” การเปลี่ยนมุมมองเช่นนี้จะช่วยให้ลูกไม่กลัวความผิดพลาด และกล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ มากขึ้นอีกด้วย
2. เน้นให้ลูกเห็นคุณค่าของความพยายามมากกว่าผลลัพธ์

เด็กที่ยึดติดความสำเร็จมักให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากจนลืมไปว่ากระบวนการเรียนรู้ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรช่วยให้ลูกรู้คุณค่าของความพยายาม เช่น แทนที่จะชื่นชมเพราะลูกสอบได้ที่หนึ่ง ลองเปลี่ยนเป็นชื่นชมและความสำคัญกับความตั้งใจจริงของลูก เช่น “แม่ภูมิใจที่เห็นหนูพยายามอ่านหนังสือทุกวันจนสอบได้คะแนนดี”
นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถช่วยให้ลูกกล้าลองผิดลองถูก และให้กำลังใจ แม้ว่าลูกจะยังทำได้ไม่ดี วิธีนี้จะช่วยให้ลูกมีความมั่นใจในตัวเองและกล้าทำอะไรโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะผิดพลาด
3. ช่วยให้ลูกตั้งเป้าหมายที่ยืดหยุ่นและเป็นจริง

แม้ว่าการมีความมุ่งมั่นที่จะไปสู่ความสำเร็จเป็นเรื่องที่ดี แต่การเรียนรู้จากความผิดพลาดและพยายามหาทางแก้ไข ก็เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จเช่นกัน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจสอนให้ลูกรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายที่ไกลที่สุด แต่ลองให้ลูกมีเป้าหมายที่ยืดหยุ่นและเป็นไปได้จริง เช่น แทนที่จะคิดว่าต้องได้ที่หนึ่ง เปลี่ยนเป็นต้องทำให้ดีขึ้น หรือต้องพยายามให้ดีที่สุด เพราะเป้าหมายที่ยืดหยุ่นจะช่วยให้ลูกไม่กดดันตัวเองจนเกินไป และสามารถปรับตัวได้เมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรค
4. ช่วยให้ลูกบริหารเวลาและจัดลำดับความสำคัญ

เด็กที่มีความต้องการเป็นที่หนึ่ง มักหมกมุ่นกับสิ่งที่ตัวเองทำ จนละทิ้งหน้าที่ความรับผิดชอบและความสุขด้านอื่นๆ จนกลายเป็นความเครียด และอาจกลายเป็นปัญหาสุขภาพจิตต่อไปได้
เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกเรียนรู้การบริหารเวลา เช่น การวางแผนตารางเวลาที่สมดุลระหว่างการเรียน การทำกิจกรรม และเวลาส่วนตัว เพื่อให้ลูกเห็นว่าควรแบ่งเวลาให้กับสิ่งใดเพื่อให้ชีวิตดำเนินต่อไปอย่างสมดุล
5. สร้างบรรยากาศที่ไม่กดดันในครอบครัว

บ่อยครั้งที่เด็กต้องการความสำเร็จ มีที่มาจากความคาดหวังของครอบครัว เช่น คุณพ่อคุณแม่ที่ชอบกดดันและเปรียบเทียบลูกกับคนอื่น หรือแสดงความผิดหวังเมื่อลูกทำไม่ได้ตามที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการคุณพ่อคุณแม่ควรทำให้ลูกรับรู้ว่าความรักของพ่อแม่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของลูก ด้วยการสร้างบรรยากาศในครอบครัวเต็มไปด้วยความรักและหวังดีต่อกัน แม้ในเวลาที่ลูกทำผิดพลาดล้มเหลวก็ตาม
COMMENTS ARE OFF THIS POST