พ่อแม่ทุกคนย่อมอยากดูแลเลี้ยงดูลูกน้อยให้มีความสุขกายสบายใจที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ความจริงแล้ว การเลี้ยงดูลูกให้มีความสุขและเติบโตอย่างมีคุณภาพไม่ใช่เรื่องง่าย และบางครั้ง การกระทำที่เกิดจากความรักและห่วงใยของคุณพ่อคุณแม่อาจไม่ส่งผลดีต่อลูกอย่างที่คิด ปรากฏการณ์เช่นนี้ ถูกเรียกกันอย่างคุ้นเคยว่า พ่อแม่รังแกฉัน ซึ่งหมายถึงการเลี้ยงดูที่สร้างปัญหาต่อการเติบโตของลูก เช่น ทำให้ลูกขาดทักษะในการรับมือกับปัญหา ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง หรือไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในสังคมได้
ดังนั้น เมื่อพูดถึงสถานการณ์ พ่อแม่รังแกฉัน จึงไม่ได้หมายถึงการทำร้ายรังแกทางร่างกาย แต่เป็นการรังแกที่มาจากการเลี้ยงดูที่ทำร้ายลูกทางอ้อมโดยไม่รู้ตัว
เพื่อไม่ให้ความรักและความหวังดีของคุณพ่อคุณแม่กลายเป็นเครื่องมือทำร้ายลูกทางอ้อม เราจึงชวนคุณพ่อคุณแม่สังเกต 5 สัญญาณ อันตรายจากการเลี้ยงดูที่อาจส่งผลเสียกับลูกมากกว่าที่คิด
1. พ่อแม่ที่พยายามปกป้องลูกจากความผิดหวัง

เป็นธรรมดาที่คุณพ่อคุณแม่ย่อมไม่อยากเห็นลูกผิดหวังหรือเสียใจ แต่การพยายามปกป้องลูกจากความผิดหวังจนไม่ยอมให้ลูกได้คิด ตัดสินใจ หรือลองทำอะไรใหม่ๆ ด้วยตัวเอง จะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ไม่กล้าคิดกล้าทำ ไม่กล้ายอมรับความผิดพลาด สุดท้าย เมื่อต้องพบความผิดหวังก็ไม่สามารถรับมือและจัดการอารมณ์ของตัวเองได้
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำก็คือ เปิดโอกาสให้ลูกได้ลองคิด ตัดสินใจ และลงมือทำอะไรใหม่ๆ เพื่อเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง โดยมีคุณพ่อคุณแม่ช่วยปลอบ ให้กำลังใจ และคำแนะนำ เพื่อให้ลูกสามารถรับมือกับความผิดหวังและเสียใจต่อไปได้
2. พ่อแม่ที่ตามใจลูกทุกอย่าง

ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงเกินไป พ่อแม่ทุกคนย่อมอยากตามใจลูกให้ได้ทุกอย่าง ยิ่งครอบครัวที่มีลูกคนเดียวแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็มักจะทุ่มเทและตามใจลูกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แม้การตามใจจะทำให้ลูกมีความสุขได้ในช่วงเวลานั้นๆ แต่อาจส่งผลเสียในระยะยาว เช่น ทำให้ลูกเป็นเด็กเอาแต่ใจ อยากได้อะไรต้องได้ อดทนรอคอยไม่เป็น และปรับตัวเข้ากับสังคมได้ยาก
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำก็คือ ให้และตามใจลูกอย่างมีขอบเขตและเหตุผล คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องตอบสนองความต้องการลูกในทันที แต่ควรพูดคุย ถามเหตุผลว่าเพราะอะไรลูกถึงอยากได้ของสิ่งนั้น หรืออยากทำอย่างนั้น ลองกำหนดเงื่อนไขที่เป็นไปได้ เช่น หากเป็นของเล่นราคาแพง คุณแม่จะช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งลูกต้องเก็บเงินด้วยตัวเองก่อน เพื่อให้ลูกเรียนรู้ว่าไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิตที่จะได้มาโดยง่าย และคุณพ่อคุณแม่ไม่ใช่คนที่จะเนรมิตทุกอย่างให้กับลูกได้ ดังนั้นลูกต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจเหตุผลหรือพยายามด้วยตัวเองบ้าง
3. พ่อแม่ที่วางแผนอนาคตให้ลูกมากเกินไป

การวางแผนอนาคตเป็นสิ่งที่ดีและสำคัญในการเลี้ยงลูก แต่หากคุณพ่อคุณแม่วางแผนไว้อย่างเข้มงวดหรือรัดกุมเกินไป โดยไม่สนใจความชอบ ความถนัด หรือความสนใจของลูก ก็จะทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด ไม่มีความสุข และกดดันจนกลายเป็นปัญหาต่อไปได้
สิ่งสำคัญในการเลี้ยงลูกยุคใหม่คือ คุณพ่อคุณแม่ต้องช่วยให้ลูกสามารถค้นหาความชอบของตัวเองให้เจอ คอยสนับสนุนและส่งเสริมให้ลูกเดินในเส้นทางที่เลือกเองอย่างมีความสุข
4. พ่อแม่ที่เข้าข้างลูกเสมอ

คุณพ่อคุณแม่ส่วนมากอาจมีความเชื่อที่ว่า ลูกฉันเป็นเด็กดี เป็นเด็กน่ารัก หรืออาจเป็นเพราะลูกมีพฤติกรรมตอนอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ต่างจากตอนอยู่กับคนอื่น หรือเวลาที่อยู่นอกสายตาคุณพ่อคุณแม่ ทำให้เมื่อลูกทำผิด ทำให้คนอื่นเดือดร้อย หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม คุณพ่อคุณแม่จึงเลือกที่จะเข้าข้างลูกมากกว่าถามหาความจริง และหาทางแก้ไข
พฤติกรรมเช่นนี้ จะทำให้ลูกไม่รู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เพราะไม่เคยได้รับการตำหนิหรือตักเตือนเมื่อทำตัวไม่เหมาะสม จนอาจกลายเป็นเด็กก้าวร้าว ขาดความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ชอบแกล้งและรังแกคนอื่น เพราะไม่เคยถูกตักเตือนหรือต่อว่า จึงเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่สามารถทำได้นั่นเอง
5. พ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยเงิน

แม้ว่าฐานะทางการเงินจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญต่อการเลี้ยงลูก แต่ความพร้อมทางการเงินก็ไม่ใช่เครื่องการันตีว่าจะทำให้ลูกเติบโตอย่างมีความสุขและมีคุณภาพได้ เพราะความจริงก็คือ หากคุณพ่อคุณแม่ทุ่มเทเวลาให้กับการทำงานหาเงิน จนไม่มีเวลาให้ความรักและดูแลลูกในช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิต ก็อาจทำให้ลูกเติบโตด้วยความรู้สึกไม่มั่นคงทางใจ ไม่รู้สึกเป็นที่รัก เพราะไม่ได้รับความรักและความใส่ใจจากคุณพ่อคุณแม่มากเท่าที่ควร
ช่วงวัยก่อนเรียนเป็นช่วงที่ลูกต้องการความใส่ใจและเวลาจากคุณพ่อคุณแม่มากที่สุด การซื้อของเล่นราคาแพงหรือเตรียมอาหารดีๆ ไว้ให้จะไม่มีความหมายเลย หากไม่มีคุณพ่อคุณแม่ใช้เวลาร่วมกับการเติบโตของลูก
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรแบ่งเวลามาดูแลเอาใจใส่ลูก พากันออกไปเที่ยวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา หรือใช้เวลาก่อนนอน เล่านิทานเรื่องโปรดให้ลูกฟัง เพียงเท่านี้ก็ช่วยเติมเต็มความสุขให้ลูกได้เป็นอย่างดีแล้วค่ะ
COMMENTS ARE OFF THIS POST