หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดพฤติกรรมและนิสัยของเด็กแต่ละคนก็คือวิธีการเลี้ยงดูจากพ่อแม่หรือสภาพแวดล้อมของแต่ละครอบครัวดังนั้น นอกจากรู้วิธีเลี้ยงลูกที่เหมาะสมแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยังควรรู้ สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำ หรือไม่ปล่อยให้ลูกทำเพราะจะส่งผลเสียกับลูก และนำไปสู่ปัญหาด้านพฤติกรรมและอารมณ์ของลูกต่อไป
เราจึงขอยกตัวอย่าง สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำ หรือปล่อยให้ลูกทำติดต่อกันเป็นเวลานาน เพื่อเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่นำไปพิจารณาและปรับใช้ว่าอะไรที่สำคัญและจำเป็นต้องเข้มงวดทั้งกับตัวเองและลูกได้อย่างเหมาะสม
1. ปล่อยให้ลูกร้องไห้เป็นชั่วโมง
ในวัยทารก การร้องไห้คือการส่งสัญญาณและพยายามสื่อสารความต้องการต่างๆ ไปถึงคุณพ่อคุณแม่ ไม่ว่าจะร้องเพื่อบอกว่าหิว ร้องเพื่อบอกว่าไม่สบายตัว หรือร้องเพื่อบอกอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น
สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำก็คือการปล่อยให้ลูกร้องไห้โดยไม่มีการตอบสนอง แม้การเพิกเฉยอาจใช้ได้ผลกับเด็กที่โตพอจะเข้าใจเรื่องข้อตกลงและสามารถสื่อสารได้ แต่สำหรับทารกแล้ว หากถูกละเลยหรือปล่อยให้ร้องไห้ตามลำพังโดยไม่มีการตอบสนองจากคุณพ่อคุณแม่ จะยิ่งกระตุ้นให้ลูกมีอารมณ์รุนแรง และรู้สึกไม่ปลอดภัยได้
2. ใช้จุกนมหลอกทุกครั้งที่ต้องการสยบความวุ่นวาย
จุกนมหลอกอาจช่วยให้ลูกสงบ หยุดร้อง และนอนหลับได้ดีขึ้น แต่การให้ลูกใช้จุกนมหลอกเป็นประจำ หรือใช้ทุกครั้งที่ต้องการให้ลูกหยุดร้องไห้ เมื่อถึงช่วงวัยหนึ่งคุณพ่อคุณแม่จะพบว่าลูกไม่สามารถอยู่ในความสงบ ใจเย็น หยุดร้องไห้ และเข้านอนด้วยตัวเองได้
นอกจากนั้น การใช้จุกนมหลอกมากเกินไป จะทำให้การเรียงตัวของฟันน้ำนมบิดเบี้ยว ซึ่งส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจในตัวเองในอนาคตได้
งานวิจัยจากวารสาร Family Practice ปี 2008 ระบุว่าการใช้จุกนมหลอกเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กเกิดหูชั้นในอักเสบ ยิ่งไปกว่านั้น งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน International Journal of Science and Research ปี 2017 ก็ได้เผยอีกว่าเด็กที่ใช้จุกนมหลอกเสี่ยงที่จะเกิดฟันผุมากถึง 56 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
3. ให้ลูกเลือกเวลาเข้านอนและตื่นนอนด้วยตนเอง
เด็กควรจะได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอและเหมาะสมกับช่วงวัยของตัวเอง หากคุณพ่อคุณแม่ไม่มีกฎเกณฑ์หรือกรอบเวลาที่ลูกจะต้องเข้านอน แต่ปล่อยให้ลูกนอนเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจชอบ ย่อมมีผลกระทบต่อพัฒนาการและการเติบโตของลูกได้ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรกำหนดเวลาการเข้านอนและตื่นนอนของลูกให้เกิดขึ้นอย่างเป็นกิจวัตรประจำวันสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์ทั้งทางด้านสุขภาพและสุขนิสัยอื่นด้วย
4. ให้ลูกได้ทุกอย่างตามที่ลูกขอ
แม้คุณพ่อคุณแม่จะไม่อยากขัดใจหรือปฏิเสธความต้องการของลูก แต่ในความเป็นจริง เป็นเรื่องยากที่คุณพ่อคุณแม่จะสามารถตามใจหรือให้ทุกอย่างที่ลูกต้องการได้
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกเรียนรู้ว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะผิดหวังและเสียใจเมื่อไม่ได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ
หากคุณพ่อคุณแม่ยอมให้ลูกได้ทุกอย่างตามที่ขอ จะกลายเป็นการสร้างนิสัยอยากได้อะไรก็ต้องได้ เพราะคุณพ่อคุณแม่จะคอยหามาให้เสมอ ก็จะทำให้ลูกเป็นเด็กเอาแต่ใจและไม่สามารถจัดการกับความต้องการของตัวเองได้
5. ให้ลูกอยู่แต่ในบ้าน
แม้นอกบ้านอาจจะมีอากาศร้อน มีฝุ่น มีฝน ผลการศึกษาในปี 2012 ที่ตีพิมพ์ใน JAMA Pediatrics พบว่าจำนวนเด็กร้อยละ 49 ต้องเติบโตอยู่ในบ้าน และไม่ได้ออกไปเล่นกลางแจ้ง แต่ถึงอย่างนั้น การออกบ้านไปเล่นกลางแจ้งก็สำคัญต่อพัฒนาการและเชื่อมโยงกับการเติบโตของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการและทักษะด้านต่างๆ การพัฒนาร่างกาย รวมถึงยังช่วยป้องกันความเสี่ยงของการเกิดโรคอ้วนไปและโรคภูมิแพ้ในวัยเด็กที่ลดลงอีกด้วย
COMMENTS ARE OFF THIS POST