การเป็นแม่นับเป็นหนึ่งในบทบาทที่ท้าทายที่สุดในชีวิต จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากคุณแม่จะต้องเผชิญกับความเครียดและความเหนื่อยล้าทางจิตใจ จนนึกอยากลาออกจากตำแหน่งหน้าที่อันหนักหนานี้ไปบ้าง
ไม่ว่าจะเป็นความเหนื่อยล้าที่เกิดจากภาวะ แม่หมดไฟ (Parental Burnout) หรือภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum Depression) ทั้งสองอาการก็เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในบรรดาคุณแม่มือใหม่
ถึงแม้ในรายละเอียดอาการของ แม่หมดไฟ กับภาวะซึมเศร้าหลังคลอดจะมีความแตกต่างกัน แต่ทั้งสองภาวะก็ส่งผลต่อพฤติกรรม อารมณ์ และสุขภาพจิตใจของคุณแม่ จนเกิดผลกระทบต่อคุณภาพในการเลี้ยงลูกได้
ดังนั้น การเข้าใจความแตกต่างระหว่างอาการหมดไฟกับภาวะซึมเศร้าหลังคลอดจะช่วยให้แม่ๆ เข้าใจตัวเอง หาทางรับมือ และทำให้คนใกล้ตัวสามารถให้การช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย
ภาวะแม่หมดไฟ (Parental Burnout)

ภาวะแม่หมดไฟ หรืออาการไม่อยากเลี้ยงลูกคือภาวะที่คุณแม่เกิดความเหนื่อยล้าทางกายและใจจากภาระหน้าที่เลี้ยงดูลูกที่สะสมเป็นเวลานาน จนเกิดความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือรู้สึกว่าไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้าง คุณแม่อาจรู้สึกว่าตัวเองต้องแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว ความคาดหวังที่สูงเกินไปจากทั้งตัวเองและสังคมก็เป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดภาวะนี้ได้

มักแสดงอาการดังนี้:
• อ่อนล้าทางกายและใจอย่างรุนแรง: รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา แม้จะพยายามพักผ่อนแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น
• รู้สึกห่างเหินและไม่ผูกพันกับบทบาทแม่: เริ่มรู้สึกเฉยชา หมดความสุขกับการดูแลลูก หรือรู้สึกว่าไม่อยากทำหน้าที่แม่ อยากหลีกหนีไปอยู่คนเดียว
• ความอดทนต่ำ หงุดหงิดง่าย: โมโหหรือโกรธกับเรื่องเล็กน้อยที่ปกติไม่เคยเป็น หรือมีอารมณ์ฉุนเฉียวกับลูกง่ายขึ้น
• รู้สึกไม่พอใจในบทบาทตัวเอง: รู้สึกผิด บกพร่อง หรือคิดว่าตัวเองเป็นแม่ที่ไม่ดีพอ

วิธีรับมือเบื้องต้น:
• จัดสรรเวลาพักผ่อน: จัดตารางเลี้ยงลูก และพยายามหาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ แม้เป็นเพียงช่วงสั้นๆ
• หาคนช่วยแบ่งเบา: ขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง ไม่ต้องแบกรับทุกอย่างเพียงคนเดียว
• ดูแลตัวเอง: หาเวลากินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเบาๆ หรือทำกิจกรรมที่ชอบเพื่อผ่อนคลาย
ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum Depression – PPD)

ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด หรือ Postpartum Depression (PPD) เป็นภาวะทางอารมณ์และจิตใจที่รุนแรงกว่าอารมณ์เศร้าหลังคลอดชั่วคราว (Baby Blues) โดย PPD มีสาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างรวดเร็วหลังการคลอด ซึ่งส่งผลกระทบต่อสารเคมีในสมอง นอกจากนี้ ปัจจัยทางชีวภาพ พันธุกรรม (เช่น มีประวัติเป็นโรคซึมเศร้าในครอบครัว) หรือความเครียดรุนแรงจากการคลอดที่ยากลำบาก ปัญหาชีวิตอื่นๆ ก็ล้วนเป็นปัจจัยเสริมได้เช่นกัน
อาการของภาวะซึมเศร้าหลังคลอด มักจะรุนแรงและคงอยู่นานกว่า 2 สัปดาห์ โดยอาจรวมถึง:
• อารมณ์ซึมเศร้า หดหู่ เศร้าเสียใจอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง: รู้สึกเศร้าหรือว่างเปล่าตลอดเวลา
• หมดความสนใจในสิ่งที่เคยชอบ: รวมถึงกิจกรรมที่เคยมีความสุขกับการดูแลลูก หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว
• ปัญหาการนอนหลับอย่างรุนแรง: ไม่ว่าจะเป็นการนอนไม่หลับเลย แม้มีโอกาสได้พักผ่อน หรือนอนมากผิดปกติ
• ความรู้สึกไร้ค่า รู้สึกผิด หรือสิ้นหวังอย่างรุนแรง: อาจคิดว่าตัวเองเป็นภาระ หรือไม่มีคุณค่า
• วิตกกังวลอย่างมาก หรือมีอาการแพนิก: อาจมีความกลัวหรือกังวลที่ไม่สมเหตุสมผล
• ความคิดทำร้ายตัวเองหรือลูก: เป็นสัญญาณอันตรายที่สุดที่ต้องรีบพบแพทย์หรือจิตแพทย์ทันที
จุดเปรียบเทียบสำคัญ

แม้จะมีอาการบางส่วนที่คาบเกี่ยวกันได้ แต่ความแตกต่างที่สำคัญคือ:
• ต้นตอและช่วงเวลา: อาการแม่หมดไฟ มักเกิดจากการสะสมความเหนื่อยล้าและความเครียดเรื้อรัง สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อตลอดระยะเวลาที่เลี้ยงลูก ในขณะที่ ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด มีต้นตอมาจากฮอร์โมนเป็นหลัก และมักเริ่มใน 4-6 สัปดาห์แรกหลังคลอด หรือตลอดช่วงปีแรก
• ความรุนแรงและระยะเวลา: อาการของแม่หมดไฟ มักจะดีขึ้นเมื่อคุณแม่ได้พักผ่อน หรือได้รับการแบ่งแบา ส่วนภาวะซึมเศร้าหลังคลอด จะมีอาการที่รุนแรงและต่อเนื่องยาวนานกว่า ไม่สามารถหายได้เอง ต้องปรึกษาแพทย์
• ผลกระทบต่อการผูกพันกับลูก: คุณแม่ที่หมดไฟ อาจรู้สึกห่างเหินกับลูกเพียงชั่วคราว โดยเฉพาะเวลาที่รู้สึกเหนื่อยล้า แต่คุณแม่ที่มีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด อาจมีปัญหาในการผูกพันกับลูกอย่างรุนแรง จนสามารถพูดได้ว่าไม่มีความสุขกับการเลี้ยงลูกเลย
COMMENTS ARE OFF THIS POST