พ่อแม่ทุกคนก็อยากจะเป็นพ่อแม่ที่ใจดี ใจเย็น ลูกดื้อลูกซนอย่างไร คุณแม่อย่างเราก็จะยิ้มและไม่หวั่นไหว ส่วนคุณพ่อก็พร้อมจะปลอบลูกที่ลงไปนอนกรี๊ดกับพื้นให้สงบลงด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่น

แต่ความเป็นจริง…

พ่อแม่ทุกคนย่อมเคยมีประสบการณ์ปรี๊ดแตกให้กับความดื้อความซนของเจ้าตัวแสบกันมาไม่มากก็น้อย รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ดี แต่พอลูกแผลงฤทธิ์ขึ้นมาทีไร มันก็อดไม่ได้ทุกที

และเพื่อหยุดยั้งอาการหัวร้อนของคุณพ่อคุณแม่ เรามี 6 เทคนิคการตั้งสติและข่มใจไม่ให้เผลอปรี๊ดแตกใส่ลูกง่ายๆ ดังนี้

1. ทำความเข้าใจธรรมชาติของลูกและของพ่อแม่ไปพร้อมๆ กัน 

ถึงเป็นพ่อแม่ลูกกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่ลูกจะมีความคิดและนิสัยที่เหมือนกันทุกอย่าง เพราะธรรมชาติของคนแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน

เช่น ถ้าแม่เป็นคนทำอะไรคล่องแคล่วว่องไว มาเจอกับลูกที่ชอบทำอะไรเชื่องช้า อืดอาด ไม่กระตือรือร้น ในขณะที่ถ้าพ่อแม่เป็นคนทำอะไรช้าๆ อาจจะหัวเสียกับลูกที่ซุกซนและว่องไวมากเกินไป

ลองทำความเข้าใจในพื้นฐานนิสัยของลูก แล้วคุณอาจจะเป็นพ่อแม่ใจเย็นมากขึ้น เพราะเข้าใจธรรมชาติของลูกมากขึ้นก็ได้

2. ทำความเข้าใจอารมณ์ของตัวเอง

สองสาเหตุหลักที่จะทำให้คุณพ่อคุณแม่มักจะปรี๊ดแตกขึ้นมาง่ายๆ ก็คือ หนึ่ง—สิ่งที่ลูกทำอาจทำให้เกิดอันตรายกับตัวลูกได้ เช่น ลูกวิ่งข้ามถนนโดยไม่มองรถที่ขับผ่านไปมา และสอง—การกระทำของลูกสร้างความลำบากใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ เช่น กรีดร้องในที่สาธารณะทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกอึดอัด อับอายกับสายตาที่มองมา และรู้สึกเกรงใจคนอื่นในบริเวณนั้น

จะเห็นว่าสาเหตุที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่โมโห ส่วนหนึ่งมาจากความเป็นห่วงและบางครั้งก็มาจากความเครียดที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีอารมณ์กันบ้าง

3. สำรวจหาจุดเปราะบางที่ทำให้ตัวเองปรี๊ดแตกได้ให้เจอ

หลังจากลืมตัวปรี๊ดแตกใส่ลูกมาหลายครั้ง อยากให้คุณพ่อคุณแม่กลับมาทบทวนหาว่าจุดเปราะบางที่ทำให้ตัวเองสติแตกได้ง่ายคือเรื่องอะไร แล้วพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองต้องเผชิญกับสถานการณ์นั้นโดยไม่จำเป็น

4. ตามอารมณ์ตัวเองให้ทัน

วิธีง่ายๆ ช่วยให้พ่อแม่ตามอารมณ์ปรี๊ดแตกของตัวเองทัน คือการสังเกตร่างกายของตัวเอง เมื่ออยู่ในภาวะที่อารมณ์พลุ่งพล่าน มักมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับร่างกาย เช่น มือเริ่มเย็น หัวใจเต้นแรง รู้สึกร้อนที่หน้า หายใจถี่และสั้นลง

เมื่อสังเกตได้ว่าเริ่มมีอาการเหล่านี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องเริ่มมีสติและพยายามควบคุมอารมณ์หรือพาตัวเองออกจากสถานการณ์ตรงหน้าก่อนที่จะปรี๊ดแตกใส่ลูก

5. บอกให้ลูกรู้ตัวว่ากำลังทำให้คุณโมโห

เมื่อคุณเริ่มรู้ตัวแล้วว่าอีกไม่กี่อึดใจ ถ้าลูกยังไม่หยุดทำตัวไม่น่ารักละก็ มีหวังได้ปรี๊ดแตกใส่ลูกอีกเป็นแน่ แต่ไม่รู้จะแก้ไขสถานการณ์ตรงนั้นได้อย่างไร ลองใช้วิธีบอกลูกตามตรงว่าคุณกำลังเริ่มโมโห และถ้าลูกยังไม่หยุด คุณจำเป็นต้องขอแยกตัวไปสงบสติอารมณ์ก่อนที่จะกลับมาคุยกันอีกครั้ง

6. สร้างคาถามองลูกในแง่บวก

คุณพ่อคุณแม่ลองสร้างคาถาประจำตัวขึ้นมาและก็ท่องไว้ในใจทุกครั้งที่เจอเหตุการณ์ชวนหัวเสีย เช่น ‘ลูกยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำไม่น่ารักเอาซะเลย’ หรือ ‘สิ่งที่ลูกทำไม่ใช่การต่อต้าน แต่อาจเป็นสัญญาณให้ขอความช่วยเหลือจากเราต่างหาก’

อ้างอิง
Thestandard
Line Today
เลี้ยงลูกนอกบ้าน