คุณพ่อคุณแม่ล้วนอยากให้ลูกเติบโตมาเป็นคนดีและเป็นคนเก่ง ลูกเองก็อยากตอบสนองความคาดหวังของพ่อแม่จึงลงมือทำทุกอย่างด้วยความตั้งอกตั้งใจ จนบางครั้งลูกทำสิ่งต่างๆ จริงจังเกินไปไม่ยอมแพ้และกลัวการผิดพลาด
เด็กๆ สามารถทำสิ่งผิดพลาดได้เสมอ แต่หากลูกของคุณพ่อคุณแม่มีอาการหงุดหงิด งอแง หรือฉุนเฉียวทุกครั้งเมื่อทำอะไรไม่ได้ดังใจ รวมถึงการจมอยู่กับความผิดหวังพฤติกรรมเหล่านี้เป็นหนึ่งในสัญญาณที่ลูกกำลังจะเป็น perfectionist ติดความเพอร์เฟ็กต์ ต้องการความสมบูรณ์แบบ และดีที่สุดในทุกเรื่อง
ทำไมลูกถึงติดความสมบูรณ์แบบ
นิสัยติดความเพอร์เฟ็กต์ของลูกเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ผู้เชี่ยวชาญให้เหตุผลว่า สิ่งที่ทำให้ลูกอยากให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบนั้น เป็นเพราะลูกเคยถูกทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยหรือไม่สบายใจโดยไม่รู้สาเหตุ เช่น ถูกคุณพ่อคุณแม่ดุหรือต่อว่า โดยไม่อธิบายเหตุผล หรือถูกทำให้รู้สึกไม่สบายใจ จากความคาดหวังและกดดันของคุณพ่อคุณแม่อยู่เสมอ
ผลเสียที่ตามมาของการเป็นเพอร์เฟ็กต์ชันนิสต์ ก็คือสุขภาพอารมณ์และจิตใจของลูก เพราะความกดดันตัวเอง อยากทำให้ดีที่สุด ทำให้ลูกเป็นเด็กอารมณ์ร้อน เครียด หงุดหงิดง่าย ยอมแพ้ไม่เป็น และไม่รู้จักยืดหยุ่นในสถานการณ์ต่างๆ
เราจึงอยากชวนคุณพ่อคุณแม่มาทำความรู้จักเทคนิคการสอนให้ลูกรู้ว่าไม่จำเป็นต้องดีที่สุดในทุกเรื่อง ไม่เป็น perfectionist ให้ยึดติดความสมบูรณ์แบบที่ช่วยสอนให้ลูกไม่ต้องดีที่สุดในทุกเรื่องมากจนเกินไปกันค่ะ
1. สอนให้ลูกกล้าลอง กล้าเสี่ยง และกล้าผิดพลาด
คุณพ่อคุณแม่อาจจะรู้สึกสบายใจกว่า หากลูกเป็นเด็กไม่ชอบเสี่ยงหรือลองทำอะไรใหม่ๆ หรือลูกเป็นเด็กที่ต้องขออนุญาตหรือรอให้คุณพ่อคุณแม่บอกว่าให้ทำและไม่ให้ทำอะไรอยู่เสมอ
แต่ความจริงแล้ว เด็กในวัยเรียนรู้ย่อมมีธรรมชาติแห่งความอยากรู้อยากลอง อยากเล่นซน ทดสอบศักยภาพของตัวเอง ทั้งทางร่างกาย จิตใจ ความคิดและความสามารถในการตัดสินใจ
ดังนั้นเด็กที่กลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด ไม่ถูกใจคุณพ่อคุณแม่ จะกลายเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าคิด หรือลองทำอะไรด้วยตัวเอง ทำให้ขาดทักษะในการแก้ปัญหา สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่พอจะช่วยได้ก็คือให้โอกาสลูกได้ลองทำอะไรด้วยตัวเอง และเรียนรู้ที่จะผิดพลาดโดยมีคุณพ่อคุณแม่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจอยู่เสมอ
2. ใจลูกใจเรา ยอมรับและเข้าใจกัน
เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจในธรรมชาติ นิสัย ยอมรับในตัวตน และความสามารถของลูก ดังนั้นเมื่อลูกทำผิดพลาดหรือทำไม่ได้อย่างที่คาดหวัง คนที่ลูกต้องการความเข้าใจและยอมรับผลลัพธ์ที่ออกมาให้ได้ก่อนใครก็คือคุณพ่อคุณแม่
ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่แสดงออกว่าผิดหวังในตัวลูก แต่เปลี่ยนเป็นการยอมรับและเข้าใจ ลูกก็จะรู้จักให้อภัยตัวเอง ไม่กดดันตัวเอง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อความมั่นใจของลูกในการทำสิ่งอื่นต่อไป โดยไม่กลัวว่าจะทำออกมาได้ไม่ดีพอ
3. สำหรับลูก ทุกคำพูดไม่ใช่เพียงลมปาก
คำพูดของคุณพ่อคุณแม่ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือแม้คุณพ่อคุณแม่จะยืนยันว่าพูดเพราะปรารถนาดี ไม่ได้คาดหวังหรือตั้งใจจะกดดันลูก แต่สำหรับลูกแล้ว ทุกคำพูดของคุณพ่อคุณแม่มีความหมาย และสามารถฝังลึกใจจิตใจของลูกได้เสมอ
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงคำพูดเชิงกดดันหรือคาดหวังในตัวลูกมากเกินไป เช่น ลูกเก่งที่สุด ลูกเก่งกว่าคนอื่นอยู่แล้ว อย่าทำให้พ่อแม่ผิดหวังนะลูก คำพูดเหล่านี้จะทำให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองต้องพยายามอย่างมากเพื่อให้เป็นคนเก่งที่สุดอย่างที่คุณพ่อคุณแม่คาดหวัง
หากต้องการให้กำลังใจลูก คุณพ่อคุณแม่ควรใช้คำพูดเชิงบวก ชื่นชม และให้กำลังใจในความตั้งใจและความพยายามของลูก เช่น ลูกมีความตั้งใจดีมาก แม่ภูมิใจที่เห็นว่าลูกพยายามเต็มที่ แบบนี้จะดีกับลูกมากกว่า
4. ฝึกให้ลูกเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งรอบตัว
การสอนให้ลูกไม่ยึดติดความสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่การปล่อยให้ลูกเป็นเด็กไม่มีความพยายาม หรือทำทุกอย่างด้วยความฉาบฉวย ทำสิ่งหนึ่งไม่สำเร็จก็เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นทุกครั้ง
แต่คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ รู้ว่ากิจกรรมไหนควรทำก่อนและหลัง กิจกรรมอะไรที่สำคัญ และลูกควรพยายามพัฒนาตัวเองมากขึ้น หรือกิจกรรมอะไรที่ไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียดเกินไปนัก
5. สอนให้ลูกเข้าใจว่าโลกนี้มีทั้งเรื่องที่ทุกคนทำได้และทำไม่ได้เป็นธรรมดา
เด็กที่เป็น perfectionist มักไม่ชอบความพ่ายแพ้ ไม่ชอบให้คนอื่นทำได้ดีกว่า คุณพ่อคุณแม่ช่วยได้ด้วยการสอนให้ลูกเข้าใจว่า ทุกอย่างในโลกใบนี้มีทั้งเรื่องที่เราควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ เรื่องที่ลูกทำได้ดี และเรื่องที่พยายามเต็มที่แล้ว แต่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถนัดหรือทำได้ดีเท่าคนอื่น และทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องธรรมดา
COMMENTS ARE OFF THIS POST