สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังเจอสถานการณ์ลูกน้อยรบเร้าอยากเลี้ยงสัตว์ หมาตัวนั้นก็ดี แมวตัวนี้ก็น่ารัก แต่ความหนักใจของคุณพ่อคุณแม่ก็คือ ไม่มั่นใจว่าลูกจะพร้อมสำหรับการมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเองหรือยัง
เพราะถึงแม้คุณพ่อคุณแม่จะรู้ดีว่าการเลี้ยงสัตว์ มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้และทักษะหลายด้านของลูก แต่พอถึงเวลาที่ ลูกอยากมีสัตว์เลี้ยง ขึ้นมาจริงๆ พ่อแม่ส่วนมากมักไม่แน่ใจว่า จะเป็นเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ ให้เลี้ยงตอนนี้จะเร็วเกินไปหรือเปล่า ลูกอาจยังไม่พร้อม และไม่โตพอที่จะดูแลสัตว์เลี้ยงของตัวเองได้ สุดท้ายก็จะกลายเป็นภาระของคุณพ่อคุณแม่ไปอีก
เราจึงรวบรวม 4 สัญญาณเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ที่ ลูกอยากมีสัตว์เลี้ยง ลองนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจว่าลูกโตพอและพร้อมที่จะเลี้ยงสัตว์ของตัวเองได้หรือยัง มาฝากให้พิจารณาก่อนจะตอบรับหรือปฏิเสธลูกอย่างมีเหตุผลมารองรับ
1. ลูกมีความพร้อมด้านสุขภาพ
สิ่งแรกที่ควรให้ความสำคัญนั่นก็คือ สุขภาพของลูกและทุกคนในครอบครัวว่าเหมาะที่เลี้ยงสัตว์ได้หรือไม่ และควรเลี้ยงประเภทไหน เช่น ในครอบครัวมีคนเป็นภูมิแพ้ และถูกกระตุ้นการแพ้ด้วยขนสัตว์หรือไม่ ก่อนคุณพ่อคุณแม่จะยินยอมให้ลูกเลี้ยงสัตว์อะไร อาจต้องให้ลูกลองได้เล่น ได้ใช้เวลาอยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ชนิดนั้นของคนอื่น เพื่อให้แน่ใจว่าลูกสามารถอยู่กับสัตว์เลี้ยงได้โดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ
2. ลูกมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติของสัตว์เลี้ยง
นอกจากความหลงใหลในความน่ารักของสัตว์เลี้ยงแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องแน่ใจว่าลูกมีความรู้ความเข้าใจใจธรรมชาติของสัตว์ชนิดนั้นมากเพียงพอ เพื่อพิจารณาว่าความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของคนในบ้านเหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงชนิดนั้นหรือไม่ เช่น บ้านมีพื้นที่จำกัด อาจไม่เหมาะสำหรับการการเลี้ยงสุนัขพันธุ์ใหญ่หรือพันธุ์ที่มีพลังงานเยอะ หรือปัญหาสุขภาพของสุนัขพันธุ์หน้าสั้นที่มักมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ
เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะให้ลูกเลี้ยงสัตว์ คุณพ่อคุณแม่ควรประเมินว่าลูกมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสัตว์ตัวนั่นมาแค่ไหน และลูกสามารถบอกได้ไหมว่าควรจะต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนรับสัตว์เลี้ยงมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
3. ลูกมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง
เพราะการเลี้ยงสัตว์ไม่เหมือนกับการซื้อของเล่น ที่เบื่อแล้วก็เลิกเล่นหรือเอาไปทิ้งได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรประเมินลูกของคุณด้วยว่า ที่ผ่านมาลูกมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองมากพอที่จะวางใจให้ดูแลสัตว์เลี้ยงในบ้านได้มากแค่ไหน
คุณพ่อคุณแม่อาจต้องบอกให้ลูกรู้ว่าหากมีสัตว์เลี้ยงแล้ว ภาระหน้าที่ที่จะต้องเพิ่มขึ้นมีอะไรบ้าง เช่น ลูกต้องเป็นคนให้อาหารทุกมื้อ ลูกต้องเป็นคนดูแลรักษาความสะอาดตอนที่น้องหมาขับถ่าย ถ้าประเมินแล้วว่าลูกยังทำไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องรีบหาสัตว์เลี้ยงมาตอบสนองความต้องการของลูกนะคะ
4. ลูกมีความพร้อมเรื่องการจากลา
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกควบคู่ไปกับการพิจารณาความพร้อมในการเลี้ยงสัตว์ก็คือ โดยปกติแล้วสัตว์เลี้ยง เช่น หมาและแมวจะมีอายุขัยที่สั้นกว่ามนุษย์ สัตว์เลี้ยงบางตัวของลูกจึงอาจมีอายุขัยเพียง 5-10 ปี หรืออาการเจ็บป่วยที่ทำให้สัตว์เลี้ยงจากไป เพราะฉะนั้นความพร้อมในส่วนนี้เป็นส่วนที่คุณพ่อคุณแม่ควรบอกลูกไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าความตามของสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องเตรียมใจยอมรับ
COMMENTS ARE OFF THIS POST