คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงเคยประสบปัญหาติดงาน ติดธุระสำคัญ หรือวางแผนการเดินทางผิดพลาด จนเป็นเหตุให้ต้อง ไปรับลูกที่โรงเรียนช้า เจ้าตัวเล็กก็ชะเง้อคอรอคอยคุณพ่อคุณแม่มารับอย่างใจจดจ่อ

แม้ว่าการไปรับลูกที่โรงเรียนช้า อาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคุณพ่อคุณแม่ แต่สำหรับลูกแล้ว การเฝ้ารอคอยคุณพ่อคุณแม่มารับเป็นเรื่องสำคัญ และการที่คุณพ่อคุณแม่มาช้าแม้เพียงไม่กี่นาที ก็ทำให้จิตใจของลูกน้อยสั่นคลอน จนอาจส่งผลต่อการไม่อยากไปโรงเรียน เพราะไม่อยากอยู่ห่างจากคุณพ่อคุณแม่อีกแม้แต่นาทีเดียว

ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่มีความจำเป็นหรือมีเหตุให้ต้องไปรับลูกช้ากว่าปกติ ก็ไม่ควรเพิกเฉยหรือมองข้ามหัวใจเล็กๆ ของลูก แต่ต้องมีวิธีจัดการและรับมือกับจิตใจและอารมณ์ของลูกอย่างเหมาะสมด้วยนะคะ

1. บอกให้ลูกรู้ล่วงหน้า

หากคุณพ่อคุณแม่มีธุระสำคัญที่คาดการณ์ได้ว่าจะทำให้ต้องไปรับลูกที่โรงเรียนช้าอย่างแน่นอน ควรบอกให้ลูกรับรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้ลูกได้เตรียมตัวเตรียมใจ ไม่วิตกกังวลที่คุณพ่อคุณแม่มาผิดเวลา

หรือหากไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ก่อน แต่พอจะรู้ตัวแล้วว่าจะต้องไปรับลูกช้ากว่าปกติแน่ อาจเลือกใช้วิธีโทร. บอกคุณครูประจำชั้นให้ช่วยบอกลูกให้รู้ตัวก่อน อย่างน้อยก็จะทำให้ลูกสบายใจมากขึ้น

2. หากิจกรรมพัฒนาทักษะหลังเลิกเรียน

หากคุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถไปรับลูกตามเวลาปกติได้ หรือจำเป็นต้องไปรับช้าเป็นประจำ ลองปรึกษาคุณครูเกี่ยวกับการหากิจกรรมให้เด็กๆ ทำหลังเลิกเรียน ระหว่างรอผู้ปกครองมารับ เช่น กิจกรรมกีฬา กิจกรรมศิลปะ หรือกิจกรรมเสริมสร้างทักษะ เพื่อรองรับเด็กๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถมารับลูกในเวลาหลังเรียนในทันทีได้ ก็จะเป็นโอกาสอันดีที่จะช่วยให้เด็กๆ มีกิจกรรมพัฒนาทักษะทำในช่วงเวลาระหว่างที่รอคุณพ่อคุณแม่มารับกลับบ้านได้

3. อย่าลืมอธิบายเหตุผลให้ลูกฟัง

เวลาเลิกงานของคุณพ่อคุณแม่อาจไม่ตรงกับเวลาเลิกเรียนของลูก ทำให้ไม่สามารถมารับลูกในเวลาเลิกเรียนทันทีได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรหาเวลาพูดคุย และทำความเข้าใจว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงมารับลูกช้าไปบ้าง เพื่อให้ลูกเข้าใจและมั่นใจว่าคุณพ่อคุณแม่มีเหตุผลที่จำเป็นจริงๆ และจะไม่มีทางลืมหรือทิ้งเขาไว้ที่โรงเรียนอย่างเด็ดขาด

4. ฝากคนที่ไว้ใจให้ไปรับลูกแทน

และสุดท้าย หากจำเป็นหรือไม่อยากให้ลูกต้องรออยู่ที่โรงเรียนนานเกินไปจริงๆ คุณพ่อคุณแม่สามารถแจ้งทางโรงเรียนว่าจะฝากให้ญาติสนิทที่ไว้ใจได้ ช่วยรับลูกกลับมาอยู่ที่บ้านหรือพาไปทำกิจกรรมอื่นๆ เพื่อรอเวลาที่คุณพ่อคุณแม่กลับมาได้

สิ่งสำคัญก็คือ คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมบอกลูกและคุณครูให้ชัดเจนว่ามอบหมายหน้าที่นั้นให้กับใคร และหากไม่ใช่คนที่คุณพ่อคุณแม่มอบหมาย อย่าลืมบอกลูกว่าห้ามไปไหนกับใครอย่างเด็ดขาดด้วยนะคะ

อ้างอิง
ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย
Go to Know