ก่อนลูกอายุสามขวบซึ่งเป็นวัยที่ลูกต้องเข้าโรงเรียนอนุบาล คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกช่วยเหลือตัวเองในการทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ
เพื่อเตรียมปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมและเพื่อนใหม่ในโรงเรียน ดังนี้
1. ฝึกให้ลูกเลิกดูดขวดนม
คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกดื่มนมจากแก้วหรือดูดจากหลอด เพราะการดูดขวดนมนานเกินไปทำให้ลูกฟันไม่สวย หรือนอนดูดขวดนมแล้วหลับคาปากทำให้ลูกฟันผุ นอกจากนี้การดูดนมจากขวดทำให้ลูกดื่มนมมากเกินไปนำไปสู่โรคอ้วน
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกเลิกใช้ขวดนมตั้งแต่หนึ่งขวบ แต่สิ่งที่สำคัญคือดูความพร้อมของลูกเป็นหลัก ให้ลูกฝึกจับแก้วจนถนัดมือ สามารถยกแก้วดื่มเองได้ และพยายามให้ลูกเล่นโดยใช้กล้ามเนื้อมือเพื่อให้ลูกมีพัฒนาการที่ดี
2. บอกลาผ้าอ้อมและฝึกให้ลูกเข้าห้องน้ำเอง
คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกลูกให้เข้าห้องน้ำเป็น เลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เริ่มฝึกจากช่วงกลางวันก่อน แล้วค่อยฝึกเลิกผ้าอ้อมช่วงกลางคืนและคุณพ่อคุณแม่เริ่มฝึกให้ลูกเข้าห้องน้ำเป็น ตั้งแต่อายุระหว่าง 18-24 เดือน แต่เด็กบางคนอาจมีความพร้อมก่อนหรือหลังจากช่วงอายุนี้ได้ ด้วยสัญญาณความพร้อม เช่น สื่อสารได้ว่าจะเข้าห้องน้ำ สีหน้าท่าทาง รู้จักคำศัพท์ง่ายๆ เช่น อึหรือฉี่
3. ฝึกให้ลูกช่วยเหลือตัวเอง
เมื่อลูกต้องเข้าโรงเรียน ลูกต้องช่วยเหลือตัวเองเพื่อปรับตัวให้เข้ากับโรงเรียน ยกตัวอย่างเช่น กินข้าวด้วยตนเอง บอกคุณครูได้ว่าปวดปัสสาวะหรืออุจจาระ
คุณพ่อคุณแม่ฝึกให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตัวเองได้ ตั้งแต่ลูกอายุ 1-2 ขวบ ฝึกให้ลูกนั่งกินข้าวบนเก้าอี้ high chair เริ่มจากอาหารที่ลูกสามารถหยิบกินเองได้ เช่น ผลไม้หรือผักหั่นชิ้นหรือแท่ง และหัดให้ลูกตักข้าวเข้าปาก ถึงจะเลอะเทอะก็อย่าดุลูก เพราะจะทำให้ลูกขาดความมั่นใจไม่กล้าตักข้าวกินเอง
นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกแปรงฟันเอง โดยมีคุณพ่อคุณแม่ช่วยแนะนำ และฝึกให้ลูกอาบน้ำเองด้วยการสอนขั้นตอนการอาบน้ำให้ลูก อธิบายให้ชัด สั้น และกระชับ อธิบายระหว่างอาบน้ำให้ลูกหรือทำเป็นตัวอย่างให้ลูกดู จากนั้นลองปล่อยให้ลูกอาบเอง แต่อยู่ในสายตาคุณพ่อคุณแม่
เมื่อลูกมีอายุใกล้สามขวบ ควรฝึกให้ลูกถอดเสื้อผ้า 1-2 ชิ้น ติดกระดุม ใส่รองเท้า และถอดรองเท้าเอง เริ่มฝึกจากให้ลองทำเองบ้าง จุดไหนที่ทำไม่ได้คุณพ่อคุณแม่คอยช่วย ให้ลูกใช้ความพยายามมากขึ้น แล้วค่อยๆ ลดความช่วยเหลือลงจนลูกทำได้
4. ฝึกให้ลูกมีระเบียบวินัย รู้จักรอคอย และเข้าสังคม
เมื่อลูกมีอายุสามขวบ ควรฝึกระเบียบวินัย ฝึกการเข้าสังคม และฝึกการรอคอย ก่อนเข้าโรงเรียน เพราะเป็นสิ่งสำคัญเมื่อต้องอยู่ร่วมกับคนอื่น ยกตัวอย่างเช่น ลูกอยากฟังนิทานแต่ยังไม่ถึงเวลาเล่าควรสอนให้ลูกรอ แต่ก็ต้องชวนลูกพูดคุย ให้ความสนใจลูก เพื่อให้ลูกฝึกรอคอยได้นานขึ้น
นอกจากนี้ลูกอยากได้อะไร คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องตามใจทุกครั้ง ใช้วิธีเบี่ยงเบนให้ลูกหันไปสนใจสิ่งอื่นทดแทน เป็นการสอนให้ลูกรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีขอบเขต การตามใจลูกทุกครั้งทำให้ลูกปรับตัวกับคนอื่นได้ยาก
และคุณพ่อคุณแม่ส่งเสริมให้ลูกเข้าสังคมด้วยการเล่นกับลูก เพื่อให้ลูกเรียนรู้การเข้าสังคมเบื้องต้น เด็กในวัย 1-3 ขวบ เป็นวัยที่จะถือตัวเองเป็นใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ควรบังคับลูกเกินไป แต่เปิดโอกาสให้ลูกทำและกล่าวชื่นชมเมื่อลูกทำได้ เช่น ชื่นชมลูกเมื่อลูกยอมแบ่งของเล่นให้เพื่อน
5. ฝึกประสาทสัมผัสส่วนต่างๆ
ก่อนส่งลูกเข้าโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกประสาทสัมผัสทั้ง 5 ประกอบด้วย การรับภาพ การได้ยินเสียง ได้กลิ่น การรับรส และการสัมผัสทางร่างกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อของลูกทำงานได้ดี และหยิบจับสิ่งของอย่างมั่นคงไม่ร่วงหลุดจากมือได้ง่าย
6. ฝึกให้ลูกมีสมาธิ
ทำกิจกรรมร่วมกับลูก ยกตัวอย่างเช่น ร้องเพลง อ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟัง เพื่อเสริมทักษะด้านการฟังและฝึกความสามารถในการเข้าใจเรื่องราว และที่สำคัญคือฝึกให้ลูกมีสมาธิในการเรียนรู้กับสิ่งต่างๆ รอบตัว เพื่อการเรียนรู้ที่ดีในโรงเรียน
7. ฝึกให้ลูกมีความรับผิดชอบ
เด็กวัยนี้อยู่ในช่วงอยากเรียนรู้และทดลองทำ คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกมีความรับผิดชอบ ยกตัวอย่างเช่น เก็บของเล่น เสื้อผ้า และกระเป๋าให้เรียบร้อย หรือทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง ไม่สร้างภาระให้กับคนอื่น
8. ฝึกให้ลูกมีทักษะในด้านการสื่อสารก่อนเข้าเรียนอนุบาล
สอนให้ลูกบอกความต้องการหรือไม่ต้องการ ชอบหรือไม่ชอบ หรือเมื่อมีปัญหาสามารถพูดจัดการได้ เพราะถ้าลูกไม่สามารถสื่อสารความต้องการของตัวเองได้ จะปรับตัวได้ยาก และมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น เวลาโมโหจะตีเพื่อน แย่งของเล่นเพื่อนเพราะอยากเล่น แทนที่จะพูดขอดีๆ
9. สร้างทัศนคติที่ดีต่อโรงเรียน
สร้างทัศนคติที่ดีเรื่องโรงเรียนให้กับลูก เช่น บอกว่าไปโรงเรียนแล้วสนุก ได้ความรู้ เจอเพื่อนใหม่ และบอกกับลูกว่า “การที่ลูกไปโรงเรียนเป็นสิ่งที่แม่ภูมิใจ”
อย่าใช้คำพูดที่ทำให้ลูกเห็นว่าโรงเรียนเป็นสถานที่น่ากลัว หรือเป็นการลงโทษ เช่น “ดื้อมากเดี๋ยวส่งไปอยู่โรงเรียนเลย” เพราะเด็กวัยนี้มักจะกลัวการพลัดพราก การไปโรงเรียนไม่ใช่เรื่องง่าย คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความมั่นใจกับลูกว่า “หนูไปโรงเรียนนะคะ ถ้าหนูไม่สบายใจจะร้องไห้ก็ได้ แต่การไปโรงเรียนเป็นหน้าที่ที่ลูกต้องไป พอถึงเวลาเลิกเรียนแม่จะไปรับลูกแน่ๆ “
นอกจากนั้นอาจจะเอาของที่ลูกติดไปโรงเรียนกับลูกด้วย เช่น ตุ๊กตาตัวโปรดหรือผ้าห่มผืนโปรด เพื่อให้ลูกใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจเป็นตัวแทนแม่
COMMENTS ARE OFF THIS POST