เด็กคิดบวกและมองโลกในแง่ดี จะเชื่อว่าสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นเสมอ และเมื่อมีอุปสรรค พวกเขาจะสามารถก้าวข้ามผ่านมันไปได้
ความคิดความเชื่อเช่นนี้ทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นมา จะเรียนรู้ว่าเส้นทางชีวิตไม่ได้ราบรื่นโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ระหว่างทางเดินมันเต็มไปด้วยขวากหนาม ที่บางทีพวกเขาอาจเผลอสะดุดจนหกล้ม แต่เพราะมีพลังความเชื่อดังกล่าว จะช่วยทำให้เขาลุกขึ้นมาตั้งตัวได้อีกครั้ง
1. ฝึกยิ้มและหัวเราะบ่อยๆ
ทุกเช้าเวลาแต่งตัวให้ลูก คุณลองบอกเจ้าตัวเล็กให้ยิ้มให้คนในกระจกหนึ่งที ก่อนไปโรงเรียนทุกเช้า ตกเย็นมาคุณก็หาการ์ตูนตลกๆ ให้ลูกดู จะพบว่าลูกจะมีความสุขและอารมณ์ดีขึ้นมากกว่าเดิม
ฮอร์โมนแห่งความสุขที่หลั่งมาพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ จะช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น ลูกจะสามารถคิดหาทางแก้ไขได้ในที่สุด
2. สังเกตสิ่งดีๆ รอบตัว
ช่วงเวลาเย็นหลังลูกเลิกเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรเรียกเจ้าตัวน้อยมาพูดคุย และค่อยๆ สอบถามว่า “วันนี้มีเรื่องดีๆ อะไรเกิดขึ้นกับหนูบ้าง ลองยกตัวอย่างมาให้แม่ฟังสัก 3 ข้อสิคะ”
การพูดคุยกับลูกแบบนี้ทุกวัน ฝึกให้เป็นนิสัย แล้วลูกของคุณจะเริ่มเคยชิน และมองหาแต่สิ่งดีๆ ขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ
3. มีความสุขกับสิ่งเล็กน้อย
ชีวิตเราในแต่ละวันมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย หากลองทบทวนเรื่องราวเหล่านั้นดู จะพบว่ามีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ซ่อนอยู่เสมอ ความสุขที่บางครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจไม่เคยมองว่าเป็นความสุข เช่น ลูกกินข้าวเองโดยที่ไม่ต้องมีใครป้อน ลูกเทน้ำใส่แก้วเอง ลูกใส่เสื้อผ้าได้เอง เป็นต้น
แค่คำชมเชยจากพ่อแม่ในกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ลูกทำในแต่ละวัน ก็สามารถสร้างกำลังใจ ความสุข และรอยยิ้มจากลูกได้
4. ล้มแล้วลุก
ช่วงวัยหัดเดินหรือตอนลูกไปวิ่งเล่นปั่นจักรยาน แน่นอนว่าเด็กๆ จะต้องเล่นซนจนหกล้มแน่นอน นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะสอนเขาให้ล้มและลุกขึ้นมาด้วยตัวเอง สิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือเป็นกำลังใจลูกอยู่ห่างๆ และให้ลูกลุกขึ้นมาเอง
จากอุบัติเหตุจะกลายเป็นความเคยชิน เป็นนิสัย และพัฒนากลายเป็นความเชื่อที่ว่า เมื่อฉันล้ม ฉันก็ลุกเองได้ ทีนี้ไม่ว่าจะเกิดปัญหาหรืออุปสรรคใดขึ้นกับลูกในอนาคต ลูกจะยึดความคิดความเชื่อนี้ไว้เป็นแรงผลักดันต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้น
5. ไม่เปรียบเทียบลูกกับคนอื่น
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนคิดว่า การเปรียบเทียบจะช่วยทำให้เห็นความแตกต่าง ข้อดีข้อเสีย ช่วยให้ลูกมีแรงฮึกเหิมในการผลักดันตัวเองให้ดีขึ้น ทว่า การเปรียบเทียบลูกให้ด้อยกว่าคนอื่น จะทำให้ลูกสูญเสียความมั่นใจ และไม่มีกำลังใจในการพัฒนาตัวเอง
การเปรียบเทียบอาจทำได้บ้าง ด้วยการเปรียบเทียบให้ลูกเห็นว่า เขามีข้อดีที่ควรภาคภูมิใจในตัวเองตั้งมากมาย
6. พาลูกเปิดโลกกว้าง
คุณพ่อคุณแม่ควรหาเวลาว่างวันหยุดเสาร์อาทิตย์ พาลูกไปเปิดโลกอีกใบหนึ่งที่เขาไม่เคยรู้จัก ทำกิจกรรมที่เขาไม่เคยทำ เช่น ไปสวนสัตว์ สวนน้ำ ป่าชายเลน ดูวิถีชีวิตแม่ค้าตลาดน้ำ
การเปิดโลกจะช่วยทำให้สมองของลูกผ่อนคลาย และคิดได้หลากหลายแง่มุมขึ้น ซึ่งวิธีคิดแบบนี้เป็นพื้นฐานของคนที่คิดบวกนั่นเอง
NO COMMENT