READING

4 เรื่องสำคัญ ว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงควรปล่อยให้ลูก...

4 เรื่องสำคัญ ว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงควรปล่อยให้ลูกมีพื้นที่ส่วนตัว

private

สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็กจะต้องเตรียมตัวทำความเข้าใจก็คือ เมื่อลูกถึงวัยที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น หรือช่วงอายุประมาณ 9-11 ปี พัฒนาการและการเติบโตของลูกจะเปลี่ยนแปลงไปแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย พฤติกรรม และนิสัยใจคอ เช่น ลูกเคยเป็นเด็กที่ติดคุณพ่อคุณแม่ ไปไหนไปด้วย และเชื่อฟัง แต่เมื่อโตถึงวัยนี้ ลูกอาจเริ่มต้องการการอยู่คนเดียว อยู่กับเพื่อน ติดเพื่อนมากกว่า เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองอย่างเห็นได้ชัด และกล้าที่จะปฏิเสธคำสอนของคุณพ่อคุณแม่

และเมื่อลูกยิ่งทำตัวออกห่าง คุณพ่อคุณแม่ก็กลับยิ่งพยายามเข้าหา ต้องการที่จะใกล้ชิด อยากให้อยู่ในสายตาตลอดเวลา ซึ่งกลายเป็นด้านตรงข้ามของลูกที่อยู่ในวัยกำลังต้องการพื้นที่ส่วนตัว

ดังนั้น แทนที่คุณพ่อคุณแม่จะพยายามเข้าหาลูกมากขึ้น ลองเปิดโอกาสและจัดสรรให้ลูกได้มีพื้นที่ส่วนตัวและเวลาส่วนตัวของตัวเองอย่างเหมาะสม เพื่อให้ลูกรู้สึกสบายใจ ไม่อึดอัด แม้ว่าจะยังอยู่ในสายตาคุณพ่อคุณแม่ แต่ทุกอย่างก็มาจากพื้นฐานการเคารพความเป็นส่วนตัวของกันและกัน

และถ้าคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่า พื้นที่ส่วนตัวจำเป็นด้วยเหรอ เรามีคำตอบค่ะ

1. ธรรมชาติของเด็กทุกคนย่อมต้องการพื้นที่ส่วนตัว

privacy

คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจนึกเสียใจ ว่าเมื่อลูกเริ่มโต ก็เริ่มให้ความสนใจกับสังคมอื่นๆ มากกว่าคนในครอบครัว เริ่มอยากไปไหนมากับเพื่อน อยากอยู่เดียว ไม่ติดคุณพ่อคุณแม่แจเหมือนเมื่อก่อน

การอยากแยกตัวเป็นอิสระ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเจริญเติบโตตามธรรมชาติของมนุษย์ เพื่อเรียนรู้ที่จะพึ่งพาและอยู่ได้ด้วยตัวเองในอนาคต

ดังนั้นการมีพื้นที่ไว้ให้ลูกใช้แยกตัวเป็นอิสระจากการเฝ้ามองของคุณพ่อคุณแม่บ้าง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่สำคัญต่อการเติบโตของลูกต่อไป

2. การมีพื้นที่ส่วนตัวช่วยพัฒนาร่างกายและอารมณ์

privacy

เมื่อลูกเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ความสนใจและทัศนคติหลายอย่างของลูกก็จะเปลี่ยนแปลงไปจากในวัยเด็ก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากพัฒนาการทางสมอง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และร่างกายที่กำลังเตรียมตัวเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่ ทำให้เด็กๆ ต้องการที่จะเรียนรู้และทำความเข้าใจตัวเองมากขึ้น

ดังนั้นเด็กวัยนี้จึงควรมีเวลาส่วนตัวอยู่กับตัวเอง เพื่อสังเกตตัวเองไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ หรืออารมณ์ พื้นที่ส่วนตัวจะช่วยให้ลูกได้ทำความเข้าใจตัวเองมากขึ้น

3. การมีพื้นที่ส่วนตัวไม่เท่ากับการปิดบัง

privacy

ร่างกาย จิตใจ รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ลูกพบเจอในช่วงเข้าสู่วัยรุ่นล้วนส่งผลให้ลูกรู้สึกสับสนและว้าวุ่นใจได้ การมีพื้นที่ส่วนตัวจึงเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ลูกสามารถตั้งหลักทบทวนและพาตัวเองผ่านพ้นช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องลดอคติที่ว่าความต้องการพื้นที่ส่วนตัวของลูก เป็นเพราะลูกมีเรื่องไม่ดีปิดบัง หรือทำอะไรผิดมา จึงไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่รับรู้ เพราะนั่นยิ่งทำให้ลูกต้องการอยู่ห่างและอยากปิดกั้นคุณพ่อคุณแม่มากขึ้นไปอีก

4. ความเป็นส่วนตัวสัมพันธ์กับความไว้วางใจ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยด้วย

privacy

การที่คุณพ่อคุณแม่เคารพในความเป็นส่วนตัวของลูก ย่อมทำให้ลูกรู้สึกสบายใจ และไว้วางใจคุณพ่อคุณแม่มากขึ้นแต่การให้ลูกมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณพ่อคุณแม่จะปล่อยปละละเลยให้ลูกทำอะไรก็ได้ หรือปล่อยจนให้ลูกมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้ ดังนั้น การให้อิสระและพื้นที่ส่วนตัวกับลูก ก็ควรมีขอบเขตที่คุณพ่อคุณแม่จะสบายใจได้ เช่น การกลับบ้านดึก การนอนค้างบ้านเพื่อน การไปเที่ยวกับเพื่อน ควรมีการบอกกล่าว ขออนุญาต และมีข้อมูลให้คุณพ่อคุณแม่ติดตามตัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้

อ้างอิง
moms
verywellfamily
raisingchildren

Anittha R

หลงรักธรรมชาติของความเป็นเด็ก ชอบดูหนัง ชอบหนังสือนิทาน รักการเลี้ยงต้นไม้ และใฝ่ฝันอยากทำสวนกระบองเพรชที่มีดอกเยอะๆ

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST