READING

ลูกผัดวันประกันพรุ่ง: 4 วิธีรับมือลูกชอบพูดว่า ‘แป...

ลูกผัดวันประกันพรุ่ง: 4 วิธีรับมือลูกชอบพูดว่า ‘แป๊บนึง’ และ ‘เดี๋ยวก่อน’

ลูกผัดวันประกันพรุ่ง

เมื่อถึงช่วงวัยที่ลูกเริ่มเรียนรู้การปฏิเสธ ต่อรอง และผัดผ่อน คุณพ่อคุณแม่ก็จะเริ่มได้ยินคำว่า ‘แป๊บนึง’ และ ‘เดี๋ยวก่อน’ จากลูกแทบทุกครั้งที่มีการบอกให้ลูกทำอะไรก็ตาม

นิสัยผัดวันประกันพรุ่งหรือชอบผัดเวลาไปเรื่อยๆ ของลูก อาจจะทำให้คุณพ่อคุณแม่กังวลว่าลูกจะเป็นเด็กติดเล่น ขี้เกียจ ไม่รู้จักหน้าที่ และกลายเป็นเด็กที่ไม่มีความรับผิดชอบไปจนโตได้

แต่ความจริงแล้ว การบอกปัดและผัดเวลาของลูก อาจจะไม่ได้เกิดจากความห่วงเล่นหรือขี้เกียจอย่างเดียว แต่การที่ลูกปฏิเสธที่จะทำอะไร อาจเกิดจากความไม่พร้อมหรือยังไม่กล้าลงมือทำตอนนั้นก็เป็นได้

แต่อย่างไรก็ตาม หากปล่อยให้ลูกใช้การพูดว่า ‘แป๊บนึง’ และ ‘เดี๋ยวก่อน’ เพื่อปฏิเสธหรือเลื่อนเวลาที่ต้องทำอะไรออกไปบ่อยๆ อาจทำให้ลูกเป็นเด็กที่มีนิสัยชอบผัดวันประกันพรุ่งต่อไปได้ ดังนั้น เรามาหาวิธีรับมือและแก้ไขกันตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่าค่ะ

1. ช่วยลำดับความสำคัญให้ลูก

Procrastinate_web_1

เด็กๆ มักจะรู้สึกว่าตัวเองมีหน้าที่และภารกิจหลายอย่างที่ต้องทำ เช่น ต้องทำการบ้าน แต่คุณแม่บอกว่าได้เวลาไปอาบน้ำ และยังมีงานบ้านที่ได้รับมอบหมายเอาไว้อีก บางครั้งลูกจึงไม่รู้ว่าควรทำอะไรก่อน เลยได้แต่บอกปัดเพื่อเลื่อนเวลาออกไปเรื่อยๆ

สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำก็คือการช่วยลูกจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ แนะนำว่าอะไรที่สำคัญและลูกควรทำก่อน อะไรที่ควรทำเป็นลำดับต่อมา เพื่อให้ลูกรู้จักวางแผนและทำสิ่งที่ควรทำตามลำดับความสำคัญได้

2. ใช้ชีวิตให้เป็นกิจวัตร

Procrastinate_web_3

นิสัยผัดวันประกันพรุ่ง มักเริ่มจากการไม่รู้หน้าที่และไม่สามารถบริหารจัดการเวลาของตัวเองได้ เด็กที่มีชอบบอกปัดหรือปฏิเสธที่จะทำอะไรทันที มักมีปัญหาเรื่องการตรงต่อเวลา เช่น ตื่นสาย ไปเรียนสาย หรือเข้านอนไม่เป็นเวลา

คุณพ่อคุณแม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการชวนลูกจัดตารางกิจวัตรประจำวันโดยมีการระบุช่วงเวลาที่แน่นอนในแต่ละกิจกรรม และทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกเรียนรู้เรื่องการจัดการเวลา รู้ว่าเสร็จจากตรงนี้แล้วจะต้องทำอะไรต่อ และเป็นการฝึกระเบียบวินัย ช่วยลดนิสัยผัดวันประกันพรุ่งได้

3. ไม่จัดตารางให้ลูกแน่นมากจนเกินไป

Procrastinate_web_3

บางครั้งพ่อแม่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกมีปัญหาในการบริหารจัดการเวลาของตัวเอง ด้วยการมีกิจกรรมให้ลูกทำมากเกินไป

หากคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าลูกเริ่มจัดการเวลาของตัวเองไม่ได้ เช่น ทำการบ้านเสร็จไม่ทันเวลา นอนดึก ตื่นสาย อาจต้องลองทบทวนดูว่า ลูกมีทำกิจกรรมให้ทำในชีวิตประจำวันมากเกินไปหรือเปล่า แล้วลองหาทางแก้ไข เพื่อช่วยให้ลูกสามารถจัดการกับเวลาของตัวเองได้มากขึ้น

4. เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็นเสมอ

Procrastinate_web_4

เด็กๆ อาจจะยังไม่เข้าใจคำว่าหน้าที่และความรับผิดชอบมากเท่าไรนัก การทำให้ลูกเข้าใจมากที่สุดก็คือการเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น เช่น คุณพ่อคุณแม่ไม่พูดคำว่า ‘แป๊บนึง’ และ ‘เดี๋ยวก่อน’ กับลูกโดยไม่จำเป็น หรือถ้าจำเป็นต้องบอกปัดลูก ควรอธิบายเหตุผลให้ลูกเข้าใจทุกครั้ง และรักษาสัญญาที่ให้กับลูกเสมอ เพื่อให้ลูกเรียนรู้เรื่องการจัดการและบริหารเวลาผ่านพฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง

อ้างอิง
empoweringparents
verywellfamily

Supinya R.

ชอบอ่านนิยายสยองขวัญ ชอบเขียนไดอารี่ และเป็นคุณแม่จำเป็นในบางเวลา :-)

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST