READING

เรื่องราวนอกบันทึกของ ‘เรไรรายวัน’—คุณ...

เรื่องราวนอกบันทึกของ ‘เรไรรายวัน’—คุณแม่จั่นเล่าถึงน้องแฝด

หลายคนคงจะเคยได้ยินชื่อ ‘เรไรรายวัน’ หรือน้อง ‘ต้นหลิว’ หนูน้อยนักจดบันทึก วัย 8 ขวบ ที่สำนวนการเขียนเล่าเรื่องในชีวิตประจำวันของเธอ ทำเอาผู้ใหญ่อย่างเราต้องหลงรัก

 

นอกจากเรื่องเล่าจากที่โรงเรียน เรื่องราวของคุณพ่อคุณแม่ ‘น้องแฝด’ (สายลม-ก้อนเมฆ) น้องชายวัย 2 ขวบ 10 เดือนของต้นหลิว ก็มักจะปรากฏอยู่บนหน้าสมุดบันทึกประจำวันของเรไรเสมอ

อ่านต้นหลิวเล่ามาหลายครั้ง เราจึงอยากชวน คุณแม่จั่น—ชนิดา สุวีรานนท์ เล่าถึงน้องแฝดและเรื่องราวนอกบันทึกของเด็กทั้งสามดูบ้าง

 

“สังเกตจากการอุ้มเขาส่องกระจก
ถ้าเป็นน้องสายลม เขาจะบอกว่านั่นคือ ‘ก้อนเมฆ’
หรือถ้าอุ้มก้อนเมฆ เขาก็จะเรียกคนในกระจกว่า ‘สายลม’
เพราะปกติเขาไม่ได้เห็นหน้าตัวเอง
แต่เขาเห็นหน้ากันและกัน”

 

 

ตอนคุณแม่มีน้อง เรไรเข้าใจคำว่าฝาแฝดหรือยัง

แม่คิดว่าเขาเข้าใจด้วยตัวเองบ้างแล้วนะ เพราะก่อนหน้านั้นหลายปี เขาชอบคิดว่าเขากับแม่เป็นแฝดกัน เพราะเรามีผิวสีน้ำผึ้งเหมือนกัน มีผมหยักศกเหมือนกัน ชอบอะไรเหมือนกัน ใจตรงกัน แล้วทุกคนชอบบอกว่าเขาเหมือนแม่ เขาก็เลยคิดว่าเขาน่ะเป็นฝาแฝดกับแม่ เวลาอาบน้ำ หรือเวลาเราทำอะไรด้วยกันเพลินๆ เขาก็จะร้องว่า “เราเป็นคู่แฝดกัน แม่กับฉัน เราเป็นคู่แฝดกัน”

แล้วน้องสายลมและก้อนเมฆ เข้าใจการเป็นพี่น้องฝาแฝดของตัวเองไหม

เขาเพิ่งรู้ตัวว่าหน้าเหมือนกันเมื่อไม่นานนี้เอง แม่สังเกตจากการอุ้มเขาส่องกระจก ถ้าเป็นน้องสายลม เขาจะบอกว่านั่นคือ ‘ก้อนเมฆ’ หรือถ้าอุ้มก้อนเมฆส่องกระจก เขาก็จะเรียกคนในกระจกว่า ‘สายลม’ เพราะปกติเขาไม่ได้เห็นหน้าตัวเอง แต่เขาเห็นหน้ากันและกัน ตอนนั้นเขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้เท่าไหร่

แต่พอสักสองขวบกว่าๆ เวลาแม่อาบน้ำให้เขา ก็จะพูดกับเขาเสมอว่า “ก้อนเมฆกับสายลมเป็นคู่แฝดกัน คู่แฝดก็จะหน้าตาเหมือนกันนะลูก” บอกเขาบ่อยๆ จนตอนนี้ถ้ามีใครถาม เขาจะตอบได้เลยว่า “ก้อนเมฆกับสายลมเป็นคู่แฝดกันครับ”

ปฏิกิริยาที่เรไรมีต่อน้องแฝดทั้งสอง

แม่จำได้เลยว่าวันแรกที่แม่บอกเขาว่า “ต้นหลิว (เรไร) กำลังจะมีน้องนะ เป็นน้องฝาแฝดด้วย” เขานิ่งไปสักพัก แล้วก็ถามว่า “ถ้าหนูมีน้อง หนูอยากรู้ว่าวันแม่ คุณแม่จะไปงานที่โรงเรียนน้องหรือโรงเรียนหนู” นั่นคือสิ่งแรกที่เขาถามเกี่ยวกับน้องแฝดเลย

เคยเลี้ยงเด็กหนึ่งคนมาแล้ว พอต้องมาเลี้ยงเด็กสองคนพร้อมกัน

ต่างกันนะ ยิ่งเป็นเด็กสองคนที่หน้าตาเหมือนกัน เลี้ยงพร้อมกัน แต่เขาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

แม่ลองมาเทียบกับตอนเลี้ยงเรไรมา 6-7 ปีก่อนที่จะมีน้องแฝด เรามีความมั่นใจเพราะเราเลี้ยงแบบผ่อนคลาย ทุกอย่างเป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่กังวล ไม่ย้ำคิดย้ำทำ

แต่พอมาเลี้ยงน้องแฝด แม่รู้ตัวเลยว่ามีความกังวล เช่น เอ๊ะ ทำถูกไหม ควรจะเลี้ยงยังไง เวลาที่เขาตอบสนองเราไม่พร้อมกันเพราะอะไร ความต่างในความเหมือนเป็นสิ่งที่ทำให้เรากังวล

ความสัมพันธ์ระหว่างเรไรกับน้องแฝด และความสัมพันธ์ระหว่างคู่แฝดด้วยกัน

แม่คิดว่าคนที่เป็นคู่แฝด เขาเหมือนเพื่อนกันมากกว่า แล้วพอเป็นเพื่อน ความหลากหลายทางอารมณ์มันจะเยอะกว่า เพราะถ้าเป็นพี่กับน้อง ส่วนใหญ่ที่เห็น ถ้าคนพี่ยอม ก็จะต้องยอมน้องไปตลอด หรือถ้าคนน้องยอม ก็ต้องยอมพี่ไปตลอด

แต่พอเป็นเพื่อนกัน ความสัมพันธ์จะมีการสลับกันไปมา ไม่ตายตัว

เขามีอะไรพิเศษระหว่างกันให้คุณแม่สังเกตเห็นไหม

เรารู้สึกได้ถึงความห่วงหาที่เขามีให้กัน เช่น ถ้าวันไหนแม่แยกเขา เอาคนนึงออกไปเที่ยว เขาก็สนุกนะ แต่พักเดียวเท่านั้น พอรู้ตัวว่าอีกคนนึงหายไป แม่รู้สึกว่าเขาจะเริ่มกระสับกระส่าย อยากจะกลับบ้าน จะถามถึงอีกคนตลอดว่าไปไหน

ธรรมชาติของลูกทั้งสามคนแตกต่างกันอย่างไร

ที่แม่สัมผัสได้นะคะ เรไรเขาจะเป็นเด็กใจเย็น ค่อยๆ คิด บางทีดูเหมือนทำอะไรช้า แต่จริงๆ คือเขาจะใช้เวลาและค่อนข้างจะพิถีพิถัน ถ้าเลือกว่าชอบอะไรแล้ว เขาก็จะทำ ไม่ล้มเลิก ลักษณะเขาเป็นแบบนั้น แล้วเขาก็จะเป็นเด็กที่มีความเอื้ออาทร แคร์ความรู้สึกคนอื่น แล้วก็ห่วงใยคนอื่น

เทียบกับน้องแฝด มันยังเร็วไปที่จะสรุปว่าเหมือนหรือต่างกันยังไง แต่เท่าที่ดู ก้อนเมฆกับสายลม เขาก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว นิสัยสลับกันไปสลับกันมา

ตอนนี้ที่เกือบสามขวบ ก้อนเมฆจะเป็นเด็กที่มีโฟกัสชัดเจน ถ้าเขาชอบอะไรเขาก็จะเล่นอยู่อย่างนั้น ไม่เบื่อ เช่น เขาชอบรถก็จะเล่นแต่รถ ไม่อยากจะเล่นอย่างอื่นเลย จนบางครั้งเรารู้สึกว่า ลูกหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่า แต่ถ้ามองในแง่ดีก็คือ เขารู้ว่าชอบอะไร แล้วก็อยู่กับตรงนั้นได้ดี

ในขณะที่สายลม เขาจะลมเพลมพัดไปได้เรื่อยๆ เล่นอะไรก็ได้ เล่นกับพี่สาวก็ได้ เวลาพี่ชวนให้มาเล่นนู่นนี่ เขาก็จะเข้ามาเล่น แต่ก้อนเมฆจะไม่ค่อยชอบเล่นกับผู้หญิง

ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ…

สายลมจะโอนอ่อน มักจะเป็นฝ่ายที่ยอมก้อนเมฆก่อน สมมติว่าเล่นเกมอะไรสักอย่าง ก้อนเมฆจะเป็นผู้นำ สายลมก็จะเป็นผู้ตาม อะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าเกิดเขาจะไม่ยอมขึ้นมา ก็ทำเอาก้อนเมฆร้องไห้ได้เลย บางทีสายลมก็สายแข็งเหมือนกัน (หัวเราะ)

เหตุการณ์ที่วุ่นวายที่สุดของการมีลูกสามคน

น่าจะเป็นตอนที่ลูกป่วยทั้งสามคน จำได้ว่าหนักสุดคือก้อนเมฆติดเชื้อ RSV ต้องนอนโรงพยาบาล ต้องแยกสายลมกับเรไรกลับมาอยู่ที่บ้าน แล้วก็ต้องแยกเขาสองคนออกจากกันอีกที

แม่ก็เฝ้าก้อนเมฆอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ใจเราเป็นห่วงไปหมด ที่บ้านก็ห่วง ที่โรงพยาบาลก็ห่วง วิ่งรอกสลับไปมาเช้า-เย็น

 

“ไม่ได้หมายความว่าจะใส่ความคิดอะไรลงไปให้เขานะ…
เพราะสุดท้ายแล้ว เป้าหมายของเราก็คืออยากให้เขาคิดได้ด้วยตัวเอง”

 

คุณพ่อคุณแม่วางแผนการเลี้ยงน้องทั้งสามคนไว้อย่างไร

(หัวเราะ) ไม่ค่อยอยากบอกเลยค่ะ จริงๆ แล้วไม่ค่อยได้มีแผนอะไรมาก ส่วนใหญ่แล้วจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์มากกว่า เพราะแต่ละช่วงวัย เขาจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลยไม่ได้ตั้งเป้าอะไรไว้ชัดเจน เพราะแม่คิดว่ามันจะทำให้เด็กๆ กดดัน แล้วก็กดดันตัวพ่อแม่เองด้วย

แต่ที่คิดไว้คร่าวๆ ก็คือ ลูกเรายังเล็ก กว่าเขาจะโตมันอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา สังคม หรืออะไรต่างๆ เพราะฉะนั้น เราก็เลยมองว่า อยากจะปูพื้นฐานทางความคิดให้กับเขา

 

ไม่ได้หมายความว่าจะใส่ความคิดอะไรลงไปให้เขานะ แต่หมายถึงการทำให้เขาคิดเป็น คิดได้ด้วยตัวเอง วิเคราะห์ แสดงความรู้สึก รู้จักใช้เหตุผลได้ ชอบอะไรไม่ชอบอะไร เลือกทำอะไรไม่ทำอะไร เพราะอะไร เพราะสุดท้ายแล้ว เป้าหมายของเราก็คืออยากให้เขาคิดได้ด้วยตัวเอง ก็เลยออกมาในรูปแบบเหมือนกิจกรรมที่ให้เรไรทำอยู่ทุกวันนี้ ก็คือเขียนบันทึก ฝึกคิด ฝึกเขียน

แล้วน้องแฝดจะไปในทิศทางเดียวกันไหม

ถ้าเขารับ ก็อยากจะให้เขาเขียนด้วยเหมือนกัน แต่ถ้าเขาไม่ชอบก็ไม่บังคับ ก็หากิจกรรมอื่นที่จะฝึกเรื่องของความคิดทำกันไป

 

แต่ว่าเรไรเขาเตรียมเอาไว้แล้วว่า ถ้าน้องแฝดโตพอจะเขียนบันทึกได้ เขาจะเป็นเทรนเนอร์ให้สายลม แล้วให้แม่สอนก้อนเมฆ ครอบครัวเราคิดว่าทำยังไงก็ได้ ให้ลูกฝึกคิดเองเป็นนี่แหละค่ะ ยากนะ แต่ก็จะพยายามทำให้สำเร็จค่ะ

พอได้รู้แนวทางการเลี้ยงลูกทั้งสามคนของคุณแม่จั่นแล้ว ก็แทบจะหายสงสัยเลยว่าทำไม น้องต้นหลิวถึงเป็นเด็กที่มีความคิดความอ่านชวนให้ประหลาดใจอยู่เสมอ

แต่เราก็ยังอยากรู้ว่า ที่เห็นต้นหลิวเขียนถึงน้องแฝดในเรไรรายวันบ่อยๆ นั้น ที่จริงแล้ว เธอคิดว่าระหว่างตัวเองกับน้องชายจอมแสบทั้งสอง ใครกันแน่ที่ดื้อกว่ากัน

 

“หนูจำน้องได้เก่งที่สุดในบ้านค่ะ”

 

เรไรเห็นคุณแม่เลี้ยงน้องพร้อมกันสองคนแล้วรู้สึกอย่างไร

หนูรู้สึกว่าคุณแม่เก่งมากๆ ค่ะ ถ้ารวมหนูไปด้วยก็เป็นลูกตั้งสามคน แต่คุณแม่ทำให้ลูกสามคนของคุณแม่ มีความสุขพร้อมกันได้ในเวลาเดียวกัน

น้องดื้อไหม

หนูว่าน้องไม่ได้ดื้อนะคะ แต่น้องซนมากกว่าค่ะ ซนแบบซนมากกกกกเลยค่ะ

เรไรเริ่มจำน้องแต่ละคนได้ตอนไหน

หนูจำไม่ได้ค่ะว่าจำน้องได้ตอนไหน แต่หนูจำน้องได้เก่งที่สุดในบ้านค่ะ

ไม่เคยสับสนหรือจำผิดคนเลยเหรอ

เคยค่ะ แต่ว่าหนูไม่ได้จำผิดบ่อยที่สุดในบ้านนะคะ คนที่จำผิดบ่อยที่สุด คือ คุณพ่อค่ะ

คิดว่าตัวเองกับน้องชายสองคน ใครเลี้ยงง่ายกว่ากัน

ถ้าให้หนูตอบ หนูก็ต้องตอบหนูเลี้ยงง่ายกว่าค่ะ เพราะว่าเคยได้ยินยายกับแม่และคนในบ้านพูดกันว่า หนูเลี้ยงง่ายกว่าน้องแฝด เพราะว่าน้องแฝดต้องคูณสอง จะเลี้ยงง่ายได้ยังไงกัน

ในสายตาเรไร น้องทั้งสองคนแตกต่างกันอย่างไร

หนูคิดว่าไม่ค่อยแตกต่างค่ะ เพราะว่าส่วนใหญ่น้องจะชอบเลียนแบบกัน เช่น บางวันคนนึงดื้อ มาอีกวันนึงอีกคนนึงก็ดื้อไปด้วย ถ้าคนนึงมีน้ำใจ อีกวันนึงอีกคนก็จะมีน้ำใจตาม เหมือนกับพวกเขาเลียนแบบพฤติกรรมกันค่ะ

เรไรอยากมีคู่แฝดเป็นของตัวเองบ้างไหม เพราะอะไร

ไม่อยากค่ะ เพราะหนูรู้สึกว่าไม่อยากให้คนมาทักผิดเยอะ แล้วเราก็ต้องมาคอยบอกว่า “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ค่ะ” เพราะว่าเห็นจากน้องแฝด มีคนมาทักผิดเยอะมากกกกค่ะ เดี๋ยวก็ทักสายลมเป็นก้อนเมฆ ก้อนเมฆเป็นสายลม ทักถูกทักผิดกันไปหมด ก็ต้องมานั่งตอบ “ไม่ใช่ๆ” งงไปหมดค่ะ


Sisata D.

Editor in Chief, ชอบเล่นกับลูกคนอื่นและอัพรูปหลานลงอินสตาแกรม

RELATED POST