มีงานวิจัยมากมายที่บอกถึงคุณประโยชน์ของการเล่าและอ่านนิทานให้ลูกฟัง หนังสือนิทานจึงเปรียบเสมือนขุมทรัพย์การเรียนรู้ของเด็กๆ เหมือนประตูที่เชื่อมระหว่างโลกความจริงกับโลกจินตนาการ เป็นเครื่องมือฝึกทักษะด้านภาษาและการสื่อสาร นอกจากนั้นช่วงเวลาแห่งนิทานยังช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกให้แน่นแฟ้นมากขึ้นอีกด้วย

1. ให้ลูกทำความรู้จักกับหนังสือก่อน

ก่อนเริ่มอ่านนิทานให้ลูกฟัง คุณพ่อคุณแม่ลองเอาหนังสือนิทานเล่มนั้นมาสร้างความคุ้นเคยกับลูกก่อน เช่น ให้ลูกเปิดดูรูปสวยๆ ด้านใน ชี้ให้ลูกดูว่าในเล่มมีอะไรน่าสนใจบ้าง จะช่วยทำให้ลูกรู้สึกสนใจและอยากรู้เรื่องราวในเล่มมากขึ้น

2. อ่านด้วยเสียงดังฟังชัด

การอ่านออกเสียงหรือเล่าด้วยน้ำเสียงที่ดังและฟังชัดจะช่วยให้ลูกมีสมาธิจดจ่อ ตั้งใจฟัง ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านการใช้ภาษาของลูกได้

การเล่าและอ่านนิทานให้ลูกฟังด้วยเสียงที่ดังฟังชัด ใช้ได้ผลดีกับเด็กทุกวัย แม้ในวัยทารกที่คุณพ่อคุณแม่คิดว่าลูกยังฟังไม่รู้เรื่องก็ตาม แต่การอ่านนิทานให้ลูกฟังบ่อยๆ ก็ทำให้ลูกคุ้นเคยกับการฟังเสียงคุณพ่อคุณแม่เล่านิทานต่อไปได้

3. ให้ลูกสามารถอ่านได้ทั้งวัน

ปกติแล้วคุณพ่อคุณแม่มักจะเลือกอ่านนิทานให้ลูกฟังตอนก่อนนอน แต่ความเป็นจริงแล้ว คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกอ่านนิทานระหว่างวันได้ตลอดเวลาที่ลูกต้องการ เพราะการอ่านจะช่วยให้ลูกมีสมาธิและส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านต่างๆ รวมถึงสร้างนิสัยรักการอ่านให้ลูกได้อีกด้วย

4. ให้ลูกเลือกนิทานที่ตัวเองชอบ

รสนิยมและความชอบของพ่อแม่กับลูกอาจจะไม่เหมือนกันไปบ้าง ทำให้บางครั้งหนังสือนิทานที่คุณพ่อคุณแม่ตั้งใจเลือกมาอย่างดี ก็อาจจะไม่ใช่นิทานที่ลูกอยากฟังจากคุณพ่อคุณแม่

ถึงอย่างนั้น คุณพ่อคุณแม่ก็ควรเคารพการตัดสินใจของลูก ด้วยการให้ลูกเลือกนิทานเรื่องที่ตัวเองชอบ เพราะการบังคับหรือฝืนใจลูก จะยิ่งทำให้ลูกเบื่อและไม่อยากฟังนิทานของคุณพ่อคุณแม่อีกต่อไป

5. อย่าถอดใจหรือดุ เมื่ออ่าน

บางครั้งระหว่างที่คุณพ่อคุณแม่กำลังอ่านหรือเล่าให้ลูกฟัง ลูกอาจจะเผลอขัดจังหวะคุณพ่อคุณแม่ด้วยการชวนคุยหรือถามคำถามเรื่องอื่น ทำให้การอ่านนิทานของคุณพ่อคุณแม่ไม่ราบรื่นเท่าที่ควร

แต่นั่นเป็นเพราะว่าลูกยังไม่สามารถมีสมาธิและจดจ่อกับอะไรได้นาน จึงเป็นธรรมดาที่ลูกจะอยากรู้อยากเห็น หรือให้ความสนใจกับอย่างอื่นขึ้นมาดื้อๆ

วิธีการรับมือก็คือ ถ้าลูกถามหรือชวนคุยเรื่องอื่น คุณพ่อคุณแม่อาจจะบอกกับลูกว่าขอแม่อ่านหน้านี้ให้จบก่อนนะคะ แล้วค่อยให้เวลาลูกถามในส่ิงที่ตัวเองสงสัย หรือชวนคุยเรื่องราวเกี่ยวกับนิทานที่อ่านเล็กๆ น้อยๆ ก่อนเริ่มต้นอ่านหน้าต่อไป

อ้างอิง
nytimes
scholastic
healthline