READING

จริงหรือเค้ก: สอนลูกแยกแยะเรื่องจริงกับเรื่องหลอกใ...

จริงหรือเค้ก: สอนลูกแยกแยะเรื่องจริงกับเรื่องหลอกในคอนเทนต์

สอนลูกให้รู้จักแยกแยะ

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณพ่อคุณแม่คงได้เห็นคอนเทนต์กินเค้กที่ทำหน้าตาเลียนแบบสิ่งของเครื่องใช้ ไปจนถึงกำแพงบ้าน ที่เป็นไวรัลในโลกออนไลน์ จนเกิดเป็นกระแสตีกลับเมื่อมีคลิปการกินเค้กที่ถูกทำน้ำยาปรับผ้านุ่ม ครีมทาผิว หรือสิ่งที่เป็นอันตรายแต่ง่ายต่อการที่เด็กๆ จะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องจริงได้

ในขณะที่ชาวเน็ตบางส่วนบอกว่า เป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้อง สอนลูกให้รู้จักแยกแยะ ว่าอะไรกินได้หรือไม่ได้ แต่สภาองค์กรของผู้บริโภคก็ออกมาแสดงความกังวลใจว่าการนำเสนอของกินที่โดยเลียนแบบลักษณะของบรรจุภัณฑ์และฉลากของใช้ที่ไม่สามารถกินได้จริง อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเป็นอันตรายหากเด็กๆ เกิดความสับสนและเลียนแบบพฤติกรรมที่เห็นได้

ในยุคที่เด็กๆ เติบโตมาพร้อมกับคอนเทนต์มากมายในอินเทอร์เน็ต การ สอนลูกให้รู้จักแยกแยะ ข้อมูลจริงกับข้อมูลเท็จถือเป็นทักษะที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าทักษะการดำเนินชีวิตด้านอื่น

1. สื่อสารกับลูกอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความเข้าใจ

trueorcake_web_1

เด็กเล็กยังขาดการคิดที่ลึกซึ้งและซับซ้อน แต่จะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นมากกว่า ดังนั้น การเห็นคลิปคนเทน้ำยาปรับผ้านุ่มเข้าปากและกินอย่างเอร็ดอร่อย อาจทำให้ลูกเข้าใจผิดคิดว่าสามารถกินน้ำยาปรับผ้านุ่มได้จริง

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกดูคอนเทนต์ดังกล่าวโดยไม่อธิบายให้ลูกเข้าใจว่า สิ่งที่เห็นนั้นเกิดจากการทำเค้กเลียนแบบขึ้นมาเท่านั้น เพราะการอธิบายและสื่อสารกับลูกอย่างตรงไปตรงมา จะช่วยให้ลูกมีพื้นฐานความคิดที่มั่นคงและสามารถคิดวิเคราะห์ด้วยตัวเองเมื่อต้องเจอเรื่องราวอื่นๆ ต่อไป

2. ชวนลูกตั้งคำถาม เพื่อได้ใช้ความคิดและการสังเกต

trueorcake_web_2

แทนที่คุณพ่อคุณแม่จะบอกว่าสิ่งไหนเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ลองเพิ่มการชวนลูกพูดคุยและตั้งคำถามเพื่อให้ลูกฝึกสังเกตข้อมูลต่างๆ ที่เห็นในอินเทอร์เน็ตมากขึ้น เช่น ลูกดูคลิปแล้วคิดว่าของพวกนี้กินได้จริงไหม หรือลองให้ลูกคิดดูว่าถ้ามีคนกินสบู่หรือครีมทาผิวเข้าไปจะเกิดอะไรขึ้น การตั้งคำถามปลายเปิดแบบนี้จะกระตุ้นให้ลูกใช้ความคิด ใช้การสังเกต และค่อยๆ ฝึกทักษะการแยกแยะด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นทักษะสำคัญต่อการใช้ชีวิต

3. พาลูกไปสัมผัสของจริง เพื่อให้เขาเรียนรู้จากประสบการณ์

trueorcake_web_3

เด็กเรียนรู้ได้ดีที่สุดจากการสัมผัสและมีประสบการณ์ร่วม คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักสิ่งของเครื่องใช้รอบตัว เช่น ชวนลูกเปิดขวดน้ำยาปรับผ้านุ่มเพื่อดูเนื้อสัมผัส ลองดมกลิ่น สอนวิธีใช้ ประโยชน์ของน้ำยาปรับผ้านุ่มและอันตรายหากใช้ผิดวิธี

การให้ลูกได้สัมผัสของจริงจะช่วยให้สมองของลูกเกิดภาพจำและความเข้าใจที่ชัดเจน และไม่หลงเชื่ออะไรง่ายๆ

4. พูดคุยเรื่องความปลอดภัยกับลูกอย่างอ่อนโยน

trueorcake_web_4

แทนที่คุณพ่อคุณแม่จะออกคำสั่ง หรือใช้คำว่า ‘อย่า’ ‘ห้ามทำตาม’ หรือ ‘แม่ไม่ให้ลูกทำอย่างนั้น’ ลองเปลี่ยนเป็นการให้เหตุผลและสร้างความเข้าใจว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงห้ามไม่ให้ทำอย่างนั้น เช่น ทำไมแม่ถึงห้ามลูกเอาของที่ไม่ใช้อาหารเข้าปาก เพราะมันอาจมีสารเคมีและสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตรายกับลูกมาก และแม่อาจไม่ทันเห็นทำให้มาช่วยเหลือลูกไม่ทันก็ได้นะ

5. สอนลูกให้รู้เท่าทันสื่อ และฝึกใช้โซเชียลอย่างมีสติ

trueorcake_web_5

คอนเทนต์มากมายในอินเทอร์เน็จอาจทำให้เด็กๆรู้สึกตื่นเต้นและอยากทำตามโดยไม่ทันคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมา หน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่จึงไม่ใช่แค่การห้ามหรือควบคุม แต่คือการร่วมเรียนรู้ไปกับลูก ชวนเขาคิด เปิดพื้นที่ให้พูดคุย และพาเขากลับมาเชื่อมโยงกับโลกแห่งความเป็นจริง

คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มต้นจากการดูคลิปกับลูก แล้วคุยกันหลังจากนั้น เช่น ถามว่าเขาชอบตรงไหน มีอะไรสงสัยไหม หรือลองตั้งคำถามว่า คนทำคลิปเขาอาจมีเจตนาอะไร เขาอยากให้เรารู้สึกแบบไหน เพราะการเปิดพื้นที่ให้ลูกพูดและคิด คือการสอนให้เขามีภูมิคุ้มกันทางความคิด ให้รู้จักวิเคราะห์ ไม่เชื่อทุกอย่างที่เห็นในทันที และไม่ตกเป็นเหยื่อของความเข้าใจผิดง่ายๆ อีกด้วย

 

อ่านบทความ: 5 เทคนิค สอนลูกให้แยกแยะว่าอะไรถูกอะไรผิด
อ้างอิง
Naewna
Amarintv
เพจ Psyche.tourlife

Supinya R.

ชอบอ่านนิยายสยองขวัญ ชอบเขียนไดอารี่ และเป็นคุณแม่จำเป็นในบางเวลา :-)

COMMENTS ARE OFF THIS POST