READING

Slow Parenting: เลี้ยงลูกแบบช้าๆ สวนกระแสสังคม...

Slow Parenting: เลี้ยงลูกแบบช้าๆ สวนกระแสสังคม

Slow Parenting

คุณพ่อคุณแม่เคยรู้สึกไหมว่า สภาพสังคมปัจจุบันทำให้เด็กๆ ต้องพยายามเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว ตารางเรียนพิเศษแน่นเอี้ยด แต่ต้องมีเวลาไปทำกิจกรรมเสริมทักษะด้วย

ความเร่งรีบ กดดัน และการแข่งขันในสังคม ทำให้คุณพ่อคุณแม่อาจรู้สึกเหนื่อยที่จะต้องวิ่งตามให้ทันคนอื่น ทำให้แนวทาง การเลี้ยงลูกแบบ Slow Parenting หรือเลี้ยงลูกแบบช้าๆ ได้เข้ามาเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ต้องการให้ลูกต้องต่อสู้กับความกดดันและความเป็นเลิศในสังคม แต่สามารถเติบโตและเป็นตัวของตัวเองได้อย่างแท้จริง

Slow Parenting คือแนวทางการเลี้ยงลูกที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของเวลาและการพัฒนาในแต่ละขั้นตอน โดยไม่เร่งรีบหรือแข่งขันตามกระแสสังคม ให้เด็กได้สามารถเรียนรู้และเติบโตในสภาพแวดล้อมที่สงบ ซึ่งการเลี้ยงลูกแบบนี้จะช่วยให้ลูกได้ใช้เวลาคิด ทบทวน และพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่ รวมถึงส่งเสริมให้คุณพ่อคุณแม่สร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับลูก ลดความเครียดจากการแข่งขัน และช่วยให้ลูกเติบโตอย่างมั่นคงและมีความสุข

การเลี้ยงลูกแบบช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่การปล่อยปละละเลย แต่เป็นการปรับสมดุลระหว่างการดูแลลูกกับการปล่อยให้ลูกได้มีอิสระในการเรียนรู้และเติบโตตามธรรมชาติของเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่ควรปรับและสอนลูกอย่างไรบ้าง เรามาทำความเข้าใจไปพร้อมกันค่ะ

1. ลดตารางกิจกรรมที่แน่นเกินไป

SlowParenting_web_1

การจัดตารางกิจกรรมที่แน่นเกินไปอาจทำให้ลูกรู้สึกเหนื่อยล้า เครียด และไม่มีเวลาว่างในการเล่นและสำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัว แต่พ่อแม่ที่ใช้แนวทางการเลี้ยงลูกแบบช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป จะให้ความสำคัญกับการมีเวลาให้ลูกได้เล่นอย่างอิสระ เพราะการเล่นอย่างอิสระคือสิ่งสำคัญต่อพัฒนาการของลูก ช่วยให้ลูกได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ เรียนรู้การแก้ปัญหา และพัฒนาทักษะทางสังคมด้วยตัวเองได้

2. สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น

SlowParenting_web_2

พ่อแม่ที่เข้มงวดและกดดันลูกมากเกินไป อาจต้องแลกมาด้วยความเครียดทั้งของลูกและตัวเอง ทำให้สัมพันธ์ในครอบครัวไม่ผ่อนคลาย แต่ความจริงแล้วการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของลูก

การใช้เวลาอยู่กับลูกอย่างมีคุณภาพ เช่น การพูดคุย อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมร่วมกัน จะช่วยสร้างความผูกพันและความเข้าใจในครอบครัว ทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัย เป็นตัวของตัวเอง และเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง ไม่หลงไปตามความกดดันของสังคมได้ง่าย

3. ส่งเสริมการเรียนรู้ตามธรรมชาติ

SlowParenting_web_3

การเรียนรู้ตามธรรมชาติ หมายถึง การเรียนรู้ที่เกิดจากการลงมือทำหรือได้รับประสบการณ์ตรง ไม่ใช่การรับข้อมูลจากการบอกเล่าหรือท่องจำ จึงเป็นวิธีเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเด็กๆ ควรมีโอกาสได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเอง การสนับสนุนให้ลูกได้เรียนรู้ผ่านการสำรวจ ทดลอง และลงมือทำด้วยตนเอง จะช่วยให้ลูกได้พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และทักษะการแก้ปัญหาได้ดีขึ้น

4. ฝึกความอดทนและการรอคอย

SlowParenting_web_4

ในสังคมที่ทุกอย่างรวดเร็วทันใจ การฝึกความอดทนและการรอคอยเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้ลูกรู้จักคุณค่าของการรอ และเรียนรู้ที่จะจัดการกับความผิดหวัง เช่น การรอคอยของเล่นชิ้นใหม่ หรือการรอคอยถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งการฝึกให้ลูกรู้จักอดทนรอ จะส่งเสริมให้ลูกเป็นคนเข้มแข็ง พร้อมรับมือกับปัญหา และรอคอยสิ่งที่หวังได้

5. สอนการใช้เวลาอย่างมีคุณค่า

SlowParenting_web_5

ถึงจะเป็นการเลี้ยงลูกที่ไม่เน้นความเร่งรีบ แต่คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกเข้าใจว่าเวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่า โดยมีคุณพ่อคุณแม่เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะการบริหารเวลา จะทำให้ลูกสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ครบถ้วน และยังมีเวลาทำในสิ่งที่ตัวเองรักและสนใจจริงๆ ได้อีกด้วย

อ่านบทความ: เลี้ยงลูกแบบซาเทียร์ (Satir’s Model) : 5 รูปแบบการเลี้ยงลูกฉบับนักจิตบำบัด ที่มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
อ้างอิง
Parents
Fatherly
Oviahealth

PITTAYARAT CH.

พิทยารัตน์ ชูพล: เด็กผู้หญิงผู้รับบทบาทลูกสาวคนเล็ก ที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยความรักเเละความใส่ใจจากคุณแม่ จนมีความใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะมอบความรักอันยิ่งใหญ่แบบนี้ให้ใครสักคนบ้าง

COMMENTS ARE OFF THIS POST