ภาวะเครียด สามารถเกิดขึ้นกับเด็กๆ ได้ตั้งแต่วัยหัดเดิน หรือเด็กในช่วงอายุ 1-3 ปี ขึ้นไป โดยความเครียด นอกจากจะส่งผลกับอารมณ์และจิตใจ แล้วยังเป็นอุปสรรคต่อพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูก ทำให้ลูกมีอัตราการเจริญเติบโตต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานได้อีกด้วย
สถาบันสุขภาพจิตแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยว่า ภาวะเครียดในเด็ก เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยภายใน เช่น สารเคมีในสมอง หรือกระบวนการคิด ซึ่งจะแตกต่างกันไปในเด็กแต่ละคน และปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น สภาวะกดดันจากคุณพ่อคุณแม่ กิจวัตรประจำวันที่เปลี่ยนไป หรือแม้แต่สิ่งแวดล้อมที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น สภาพอากาศ หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ
แต่โดยปกติแล้ว เมื่อเกิด ภาวะเครียดในเด็ก เด็กมักจะไม่สามารถแสดงออก หรือระบายความเครียดออกมาได้ดีนัก จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องสังเกตพฤติกรรมการแสดงออกของลูกอย่างใกล้ชิด และเรียนรู้ 4 สาเหตุที่อาจทำให้ลูกวัยซนเกิดความเครียด เพื่อหาทางป้องกันต่อไปค่ะ
1. การพัฒนาทักษะที่เข้มงวดเกินไป
จากงานวิจัยของมหาวิทลัยเวอร์จิเนีย (University of Virginia) ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ระยะเวลาที่ใช้ในการเรียนวิชาการอ่านและการเขียนในโรงเรียนอนุบาลมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 ในขณะที่เวลาที่ใช้ในการเรียนวิชาศิลปะ ดนตรี และพลศึกษากลับลดลงอย่างมาก
ในบางครั้งคุณพ่อคุณแม่ รวมไปถึงคุณครูที่โรงเรียน อาจต้องการพัฒนาทักษะทางวิชาการ หรือทักษะการใช้ชีวิตให้กับลูก มากจนกลายเป็นความกดดัน และเข้มงวดกับเด็กๆ จนหลงลืมการสร้างสมดุลระหว่างการเรียนและการเล่นให้เหมาะสมตามวัยของลูก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่นำไปสู่การเกิดความเครียดในเด็กได้
ทางแก้ก็คือคุณพ่อคุณแม่ควรปรับรูปแบบการเรียนของลูกให้เข้ากับกิจกรรมที่สนุกสนานมากขึ้น เพื่อช่วยลดความเครียดและส่งเสริมพัฒนาการของลูกได้ เช่น เรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษจากการเล่านิทาน หรือชวนลูกเล่นขายของ เพื่อส่งเสริมทักษะการคำนวณ นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ควรแบ่งเวลาให้ลูกได้พักผ่อนและเล่นสนุกตามวัยด้วยนะคะ
2. ความเครียดของคุณพ่อคุณแม่
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อคุณพ่อคุณแม่เครียดจากการทำงาน หรือกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน คุณพ่อคุณแม่มักปฏิเสธการเล่นกับลูกโดยไม่รู้ตัว ลูกวัยซนสามารถสัมผัสถึงความเครียดของคุณพ่อคุณแม่ได้จากการแสดงออกทางสีหน้า และพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งสามารถทำให้ลูกเกิดความวิตกกังวลและความเครียดขึ้นได้เช่นกัน
3. ถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อหรือแกล้ง
คลินิกดูแลสุขภาพจิต Young Minds ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยว่า การกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนส่งผลต่อสุขภาพจิตและความเครียดของเด็กจำนวนกว่าหนึ่งล้านคนในทุกปี เพราะนอกจากครอบครัวแล้ว โรงเรียนนับเป็นอีกสังคมที่ลูกให้ความสำคัญ และมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและสภาวะทางอารมณ์ของลูกเป็นอย่างมาก
คุณพ่อคุณแม่จึงควรพูดคุยและแนะนำวิธีการรับมือที่ถูกต้อง เมื่อลูกถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อหรือแกล้ง เช่น บอกคุณครู เดินไปหาเพื่อนคนอื่น หรือเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง รวมไปถึงการสังเกตพฤติกรรมของลูกว่าเปลี่ยนแปลงไปหรือเข้าข่ายการถูกเพื่อนแกล้งหรือไม่ เช่น ร้องไห้งอแงตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน รับประทานอาหารได้น้อยลง นอนหลับไม่สนิท หรือรอยแผลตามร่างกาย
4. การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป
การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม หรือกิจวัตรประจำวันที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การย้ายโรงเรียน หรือการพบปะเพื่อนใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับลูกวัยซน นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงยังสามารถกระตุ้นการตอบสนองอารมณ์เชิงลบของลูกจนเกิดเป็นความเครียดได้อีกด้วย
คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ภายในบ้าน คอยให้คำแนะนำลูกในทุกการเปลี่ยนแปลง และสนับสนุนให้ลูกแสดงความรู้สึกของตัวเองให้คุณพ่อคุณแม่รับรู้อยู่เสมอ
อ่านบทความ: สำรวจพฤติกรรมคุณพ่อคุณแม่ มีส่วนทำให้ลูกเครียดหรือเปล่า?!
COMMENTS ARE OFF THIS POST