ทำไมลูกต้องเรียนหนัก หลายครอบครัวน่าจะเคยถามและมีคำตอบให้ตัวเอง ว่าเหตุผลที่ลูกต้องเรียนหนักก็เพื่อผลการเรียนที่ดี และความสำเร็จในชีวิตของลูกต่อไปในอนาคต

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คุณพ่อคุณแม่มักจะเข้มงวดในเรื่องการเรียนของลูกมาเป็นพิเศษ เพราะอยากให้ลูกอยู่ในสังคมแห่งการแข่งขันได้อย่างแข็งแกร่ง

ไม่นานมานี้ มีข่าวที่กระทบกระเทือนจิตใจพ่อแม่ที่กำลังเข้มงวดเรื่องการเรียนของลูก เมื่อเด็กชายชาวจีนวัย 8 ปี ร่างกายเกิดภาวะโคม่า หมดสติทั้งที่กำลังนั่งอ่านหนังสือและทำการบ้านตามปกติ หลังจากถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล เด็กรู้สึกตัวขึ้นมาไม่นาน ก็เสียชีวิตลง โดยมีผลการตรวจจากแพทย์ยืนยันว่าเด็กมีภาวะอวัยวะภายในล้มเหลว ซึ่งเกิดจากการเรียนหนัก จนเหนื่อย และไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

เหตุการณ์ดังกล่าว น่าจะสร้างความสะเทือนใจและเศร้าสลดให้กับพ่อแม่และผู้ใหญ่ที่กำลังพยายามหาเหตุผลที่ต้องพยายามให้ลูกเรียนหนัก เพราะเชื่อว่าเด็กจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ต้องทุ่มเทให้กับการเรียนในโรงเรียนอย่างเต็มที่ โดยลืมคิดไปว่า การเรียนหนักมากเกินไป นอกจากผลเสียต่อสุขภาพร่างกายแล้ว ในแง่จิตใจ ลูกจะได้รับผลเสียอย่างไรบ้าง

1. เกิดความเครียด ซึมเศร้า และอาจนำไปสู่การฆ่าตัวตาย

ข้อมูลจาก UNESCO แสดงให้เห็นว่าเด็กนักเรียนไทยอายุ 9-13 ปี มีชั่วโมงการเรียนในโรงเรียนมากเป็นอันดับ 1 ของโลก คือ 1,200 ชั่วโมงต่อปี (ไม่นับรวมการเรียนพิเศษอื่นๆ)  ในขณะที่ประเทศจีนและญี่ปุ่น เด็กๆ มีชั่วโมงเรียนเพียง 700 ชั่วโมง ต่อปีเท่านั้น

แต่หลายครอบครัวในประเทศไทย คุณพ่อคุณแม่หลายคนยังคงมองหาการเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน เพื่อให้ลูกมีผลการเรียนที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งนั่นอาจทำให้ลูกต้องเรียนและเติบโตอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างต่อเนื่องและเป็นเวลานาน เกิดการสะสมความเครียด เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า และอาจนำไปสู่การฆ่าตัวตายในอนาคตได้

2. ปฏิเสธความต้องการของตนเอง

ความกดดันและคาดหวังให้ลูกมีผลการเรียนที่ดี ทำให้คุณพ่อคุณแม่เข้มงวดกับการใช้ชีวิตของลูกมากเกินไป จนลูกไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ และพลาดโอกาสฝึกฝนและพัฒนาทักษะอื่นๆ ที่ตัวเองชอบและถนัดมากกว่า

นอกจากจะทำให้ลูกไม่กล้าริเริ่มทำอะไรใหม่ๆ แล้วยังทำให้ลูกปฏิเสธความต้องการของตนเองเพราะกลัวว่าพ่อแม่จะผิดหวังอีกด้วย

3. ไม่มีความสุขกับการเรียนรู้

วัยเด็กคือวัยแห่งการเรียนรู้ ที่ควรจะสนุกและตื่นเต้นกับการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แต่หากคุณพ่อคุณแม่ เข้มงวดและกดดันให้ลูกเรียนหนักมากเกินไป อาจทำให้ลูกไม่มีความสุขในเรียนรู้ และอาจกลายเป็นการต่อต้านการเรียนได้

4. ลูกไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง

การนับถือตัวเอง (self-esteem) หมายถึง การเห็นคุณค่าในตัวเอง และการเห็นคุณค่าในตัวเองจะช่วยทำให้เราสามารถจัดการอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองและสามารถรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตได้

แต่หากลูกเติบโตมากับการถูกกดดันให้เรียนหนังสือหนักๆ ทำผลการเรียนให้ดีตลอดเวลา เมื่อทำไม่ได้หรือเกิดความผิดพลาดขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็จะยิ่งลดทอนความมั่นใจในตัวเอง รู้สึกสูญเสียคุณค่า กลัวว่าจะไม่เป็นที่รักของคุณพ่อคุณแม่ และนับถือตัวเองน้อยลงในที่สุด

อ้างอิง
khaosod
spielgaben
Scholarship
Hello Khunmor