ปัจจุบันเรามักพบเจอและรับรู้เรื่องราวความรุนแรงในสังคมได้ง่ายและบ่อยขึ้น เพราะการนำเสนอเนื้อหาตามสื่อต่างๆ เช่น คลิปวิดีโอในสื่อโซเชียลฯ เนื้อหาข่าวที่การใช้ความรุนแรง รวมถึงซีรีส์หรือละครที่มีการใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายและจิตใจเพื่อความบันเทิงของผู้ชม

1. พ่อแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น เมื่อต้องจัดการกับปัญหา

เด็กๆ เริ่มเรียนรู้จากพฤติกรรมของคนในครอบครัว โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีวิธีการรับมือกับปัญหาด้วยอารมณ์ เช่น เกรี้ยวกราด พูดจาเสียงดัง สบถ หรือโวยวายให้ลูกเห็นเป็นประจำ ลูกก็จะเรียนรู้และซึมซับพฤติกรรมนั้นมาเป็นแบบอย่างของตัวเองเช่นกัน

2. ดูแลการรับสื่อของลูก

คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกดูคลิป ดูโทรทัศน์ หรือเสพสื่อต่างๆ ตามลำพัง เพราะลูกอาจจะไม่ได้เรียนรู้ถึงผลเสียที่จะตามมาหลังจากใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา

3. สอนให้ลูกมองเห็นอารมณ์ตัวเอง

คุณพ่อคุณแม่ควรแสดงความรับรู้และเข้าใจอารมณ์ของลูก เมื่อลูกมีอารมณ์โกรธ คุณพ่อคุณแม่ควรแสดงออกถึงความรับรู้และเข้าใจความโกรธของเขา และสะท้อนให้ลูกรู้จักจัดการกับความรู้สึกของตัวเองต่อไป

4. สอนให้ลูกจัดการอารมณ์ตัวเองอย่างเหมาะสม

เด็กๆ อาจจะมีพฤติกรรมโวยวาย เกรี้ยวกราด หรือทำลายข้าวของบ้างเมื่อรู้สึกไม่พอใจ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำก็คือแล้วลองสังเกตอารมณ์ของลูก รอให้อารมณ์ของเขาคลายลงแล้วค่อยเข้าไปพูดคุย ให้ลูกเล่าและอธิบายความรู้สึกของตัวเอง อะไรที่ทำให้ลูกโกรธ และอธิบายให้ลูกฟังว่า พฤติกรรมที่ลูกแสดงออกมาดีหรือไม่ดีอย่างไร และเมื่อลูกรู้จักจัดการอารมณ์ได้ดีขึ้น ก็ควรให้กำลังใจและกล่าวชื่นชมในพัฒนาการของลูกทุกครั้ง

5. สอนลูกไม่ให้เลียนแบบพฤติกรรมความรุนแรงที่มักเกิดขึ้นในสังคม

เมื่อพบเจอหรือรับรู้เรื่องราวความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรอธิบาย บอกถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหลังการใช้ความรุนแรง ชวนลูกวิเคราะห์สถานการณ์ หรือสมมติว่าหากลูกเป็นคนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นๆ จะทำอย่างไร และลูกรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นความรุนแรงเช่นนั้น

อ้างอิง
verywellfamily
bangkokhospital
เข็นเด็กขึ้นภูเขา