เด็กรุ่นนี้เกิดมาในยุคที่อะไรก็แสนจะง่ายดายและรวดเร็วทันใจไปเสียหมด ทำให้เด็กเคยชินกับการได้อะไรมาง่ายๆ และไม่รู้จักการอดทนรอคอยเท่าที่ควร
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องสอนให้ลูกรู้จักการอดทนและรอคอย เพื่อฝึกทักษะการควบคุมตนเอง (Self Control) ไม่ให้ลูกกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ ใจร้อน หรืออดทนรอคอยอะไรไม่เป็น
มีการศึกษาวิจัยที่ถูกพูดถึงในหนังสือจิตวิทยาต่างๆ โดยงานวิจัยดังกล่าว ‘Walter Mischel’ นักจิตวิทยาและศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา ได้ทำการทดสอบที่ชื่อว่า Marshmallow Test กับเด็กๆ ในวัย 4-6 ปี ด้วยการวางขนมมาร์ชแมลโลว์ไว้บนโต๊ะ พร้อมเงื่อนไขคือเด็กๆ จะหยิบมาร์ชเมลโลมากินเลยก็ได้ แต่หากใครสามารถอดทนรอจนกว่าเขาจะกลับมาที่ห้องอีกครั้ง ก็จะได้รับขนมเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น ผลปรากฏว่ามีเด็กเพียง 1 ใน 3 ของทั้งหมดเท่านั้นที่ยับยั้งชั่งใจต่อขนมที่วางล่อตาล่อใจและอดทนรอคอยจนวอลเทอร์กลับมาได้ตามเงื่อนไข และเด็กกลุ่มเดียวกันนี้ก็ยังมีผลการเรียนที่ดีกว่าเด็กที่ไม่สามารถอดทนรอคอยได้อีกด้วยงานวิจัยของวอลเทอร์ช่วยยืนยันว่าการฝึกให้เด็กๆ รู้จักควบคุมตัวเอง รู้จักการอดทนรอคอยมีผลต่อความสำเร็จในด้านอื่นๆ ของเด็กๆ ต่อไป
เพราะฉะนั้นเรามาดูกันว่า มีวิธีไหนบ้างที่จะสามารถฝึกฝนให้ลูกน้อยเป็นเด็กที่สามารถควบคุมตัวเองและรู้จักอดทนรอคอยได้กันดีกว่าค่ะ
1. สอดแทรกให้ลูกรู้จักการรอคอยในชีวิตประจำวัน

คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักการอดทนรอคอย โดยสอดแทรกเข้าไปในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น หากลูกอยากกินขนม แต่คุณแม่กำลังทำงานบ้านอยู่ ควรบอกลูกให้รอคุณแม่ทำงานบ้านให้เสร็จก่อน หากลูกเริ่มงอแง อาจให้ลูกช่วยคุณแม่ทำงานบ้าน ถ้าทำงานบ้านเสร็จเร็วลูกก็จะได้กินขนมเร็วขึ้น
2. ให้ลูกไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการบ้าง

คุณพ่อคุณแม่ทุกคนรักลูก เมื่อลูกอยากได้อะไรพ่อแม่ก็จะหามาให้ แต่การที่คุณพ่อคุณแม่ทำเช่นนี้ ทำให้ลูกไม่เคยถูกขัดใจ ไม่เคยผิดหวัง และจะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ขาดแรงผลักดัน ไม่มีความอดทน และไม่สามารถรอคอยอะไรได้
บางครั้งคุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกได้รู้จักการถูกขัดใจ อดทน และไม่ได้ทุกอย่างที่ต้องการบ้าง เพื่อให้ลูกรู้จักกับความผิดหวัง หรือสร้างเงื่อนไข ให้ลูกได้อะไรที่ต้องการยากขึ้น ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น เช่น เมื่อลูกอยากได้ของเล่นที่ราคาแพงมากๆ คุณพ่อคุณแม่อาจให้ลูกลองเก็บเงินซื้อด้วยตนเอง เขาจะได้มีความพยายามและสามารถอดทนรอคอยจนกว่าจะได้ของเล่นนั้นมา
3. ให้ลูกมองเห็นความรู้สึกตัวเอง

เมื่อลูกเริ่มโกรธหรือร้องไห้งอแง เพราะไม่ได้ดังใจหรือต้องอดทนรอ คุณพ่อคุณแม่ควรช่วยให้เด็กๆ รับรู้และเข้าใจอารมณ์ของตัวเอง ด้วยการถามว่าลูกรู้สึกอย่างไรทำไมถึงโกรธ เช่น “แม่เข้าใจว่าหนูไม่ได้ออกไปวิ่งเล่น ก็เลยโกรธ แต่ถ้าอดทนรอให้แดดร่มกว่านี้ ลูกจะวิ่งเล่นได้สนุกขึ้น” จะทำให้ลูกสามารถมองเห็นความรู้สึกตัวเองและอดทนรอจนกระทั่งได้ทำสิ่งที่ต้องการได้
4. คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดี

โดยธรรมชาติของเด็กมีพฤติกรรมเลียนแบบคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรเป็นแบบอย่างให้ลูกเห็น การรักษาสัญญาหรือรักษาคำพูดก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน หากบอกให้ลูกรอหลังจากทำงานบ้านเสร็จแล้วจะให้กินขนม ควรทำตามสัญญา เพราะความเชื่อใจที่เด็กๆ มีให้คุณพ่อคุณแม่ จะช่วยฝึกฝนให้ลูกอดทนรอคอยเป็น
COMMENTS ARE OFF THIS POST