การจะดูแลลูกไม่ใช่หน้าที่ของคุณพ่อหรือคุณแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะความจริงแล้ว ลูกต้องการทีมเวิร์กระหว่างคุณแม่คุณพ่อเป็นอย่างมาก ทีมเวิร์กในที่นี้หมายถึงการที่คุณทั้งคู่มีความคิดเห็นตรงกันและให้ความร่วมมือต่อกัน
แต่บางครั้งแค่เลือกว่ามื้อเย็นจะกินอะไร คุณแม่กับคุณพ่อยังตกลงกันไม่ได้แล้วนับประสาอะไรกับการเลี้ยงลูก
เพราะฉะนั้น M.O.M มี 5 ขั้นตอนที่จะช่วยให้คุณแม่คุณพ่อร่วมแรงแข็งขันกลายเป็นซูเปอร์ทีมฝึกฝนการเลี้ยงลูกให้ได้
1. การเลี้ยงลูกไม่ใช่การแข่งขัน!
คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันว่าลูกจะรักใครมากกว่า มันธรรมดามากที่ในช่วงแรกของชีวิตลูก เขาจะยึดติดกับคนที่ดูแลเขาตลอดเวลา สมมติว่าคุณพ่อทำงานนอกบ้าน คุณแม่คอยดูแลลูกอยู่ที่บ้าน คุณพ่อกลับมาบ้านก็อยากเล่นกับลูกบ้าง แต่ลูกร้องหาคุณแม่อย่างเดียว สิ่งนี้อาจทำให้คุณพ่อน้อยใจ คิดว่าลูกรักไม่รัก แต่ความจริงแล้ว ถ้าตัดความคิดเรื่องการแข่งขันนี้ออกไปได้ การเป็นทีมเวิร์กก็จะง่ายขึ้น
2. ให้ลูกตัดสินใจ
โดยธรรมชาติ ลูกจะพยายามสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่ว่าต้องการอะไรตลอดเวลา บางครั้งที่ลูกร้องไห้งอแงไม่หยุด คุณแม่เดินอุ้มโอ๋เท่าไรก็ไม่ได้ผล อาจจะถึงคราวที่คุณพ่อต้องออกโรง เพราะสัมผัสมือที่หนักแน่นกว่าของคุณพ่อ อาจช่วยให้ลูกสงบได้ง่ายขึ้น ในขณะที่สัมผัสมือที่อ่อนโยนเบาบางของคุณแม่อาจช่วยให้ลูกหายเจ็บได้เร็วขึ้น คุณแค่ต้องลองให้ลูกเป็นคนตัดสินใจว่าเวลาไหนต้องการอะไรเท่านั้นเอง
3. ไม่ใช่สนใจแต่ลูกอย่างเดียวเท่านั้น
การเป็นทีมเวิร์กนั้นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องสนใจแต่ลูก เพราะคู่ของคุณก็สำคัญ คุณต้องคอยแท็กทีมว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร หรือต้องการความช่วยเหลือจากคุณหรือไม่ เช่น คุณแม่ที่อยู่กับลูกทั้งวัน บางวันลูกอาจงอแงมากจนคุณแม่สติแตก คุณพ่อก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วย เพื่อให้คุณแม่ได้มีเวลาสงบสติอารมณ์
4. ความสมดุลคือหัวใจ
จุดประสงค์ของการเป็นทีมเวิร์กในการดูแลลูก ก็เพื่อให้บ้านน่าอยู่ มีแต่ความสงบสุข ซึ่งหัวใจของมันก็คือการทำตามความต้องการของคนในบ้านอย่างสมดุล คุณอาจคิดว่าจะต้องนึกถึงความต้องการของลูกหรือของคู่คุณก่อน แต่จริงๆ แล้วคุณต้องให้ความสำคัญกับตัวเองก่อน ใช่, มันอาจฟังดูเห็นแก่ตัว แต่คุณจะเป็นแม่และภรรยาที่ดีไม่ได้ ถ้าคุณกำลังเหน็ดเหนื่อยและหมดพลัง… จริงไหม
คุณอาจขอให้คู่ของคุณหรือคนในครอบครัวคนอื่นๆ ช่วยดูแลลูกสักพัก เมื่อคุณเติมเต็มความต้องการของตัวเองแล้ว คุณก็จะมีพลังไปโฟกัสที่คู่ของคุณกับลูกน้อยได้
5. ปรับตัว
การดูแลลูกก็เหมือนการเล่นรถไฟเหาะตีลังกา บางวันทุกอย่างก็ดูง่ายเข้าที่เข้าทางไปซะหมด แต่บางวันก็ไม่มีอะไรได้ดังใจ จงจำเอาไว้ว่าเด็กเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา วันหนึ่งลูกอาจยอมอ้าปากกินแคร์รอต แต่วันต่อมาลูกอาจปิดปากแน่นไม่ยอมกินเลยก็ได้ เพราะฉะนั้น พวกคุณก็แค่ต้องปรับตัวและปล่อยใจให้ไหลไปตามน้ำบ้าง แค่นั้นเอง
NO COMMENT