ไม่ใช่ผู้ใหญ่ทุกคนจะเป็นที่พึ่งพาทางใจที่ดีสำหรับเด็กได้ นอกจากนั้นผู้ใหญ่บางคนยังจัดเป็น ผู้ใหญ่ท็อกซิก สำหรับเด็กๆ ได้
Barrie Sueskind นักบำบัดในลอสแอนเจลิสที่เชี่ยวชาญเรื่องความสัมพันธ์ อธิบายลักษณะของ ผู้ใหญ่ท็อกซิก หรือผู้ใหญ่ที่มีพฤติกรรมเป็นพิษว่า คนเหล่านี้จะมีพฤติกรรมที่ชวนอึดอัด เช่น ไม่เคารพคนอื่น ไม่มีมารยาท การกระทำ และการใช้พูดที่ไม่มีความเกรงใจ หรือด้อยค่าผู้อื่น พูดเกินจริง มักกวนน้ำให้ขุ่น ทำให้บรรยากาศรอบข้างตกอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่เสมอ แสดงความรู้สึกของตัวเองในเชิงลบ ไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น มีแนวโน้วเป็นโหมไฟแห่งความขัดแย้งก่อกวนผู้อื่น
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะทำได้ ไม่ใช่การป้องกันลูกให้ห่างจากผู้ใหญ่ท็อกซิก เพราะบางครั้งผู้ใหญ่เป็นพิษก็มาในรูปแบบของพ่อแม่เพื่อน เพื่อนของพ่อแม่ หรือแม้แต่คุณครูของลูก ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกมีทักษะการเอาตัวรอดจากคนเป็นพิษ เพื่อสร้างเกราะป้องกันทางจิตใจให้ลูกได้ระยะยาว จะเป็นการเสริมพลังบวกให้ลูก ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1. แยกให้ได้ว่าใครเป็นผู้ใหญ่ท็อกซิก หรือแค่ไม่เป็นมิตรกับลูก
คุณพ่อคุณแม่อาจเคยสอนลูกให้ระวังคนแปลกหน้า และป้องกันตัวเองจากคนที่มุ่งร้ายต่อร่างกายและจิตใจของลูก แต่อาจลืมไปว่ายังมีผู้ใหญ่อีกประเภท ที่ลูกต้องเจอในชีวิตประจำวันและหลีกเลี่ยงได้ยาก ก็คือ ผู้ใหญ่ที่สร้างความอึดอัด บั่นทอน และทำให้ลูกรู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรอธิบายให้ลูกฟังว่า ลักษณะพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่เป็นพิษกับลูกเป็นอย่างไร เช่น ทำให้ลูกรู้สึกแย่ ทำให้อับอาย ไร้ค่า หรือพูดจาหยาบคายมากจนทำให้ลูกรู้สึกไม่ดี
ในขณะที่ผู้ใหญ่บางคนก็อาจทำให้ลูกรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจเมื่ออยู่ใกล้ แต่เกิดจากนิสัยและบุคลิกเฉพาะตัว เช่น ไม่ชอบเล่นหยอกล้อกับเด็ก ชอบพูดจาห้วนๆ ถึงแม้จะไม่เข้าข่ายผู้ใหญ่ที่มีพฤติกรรมเป็นพิษ แต่ก็ไม่ใช่คนที่ลูกควรเข้าใกล้
2. ปัดพิษร้าย ด้วยความเชื่อมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง
ถึงแม้จะเจอผู้ใหญ่ท็อกซิก แต่ลูกก็ยังควรแสดงความเคารพอย่างมีมารยาท อย่าให้พฤติกรรมเชิงลบของผู้ใหญ่ที่เป็นพิษ มาเปลี่ยนแปลงสิ่งถูกต้องที่ลูกควรทำ
Karen Young, BSc นักจิตวิทยา ระบุว่า คนเราทุกคนมีสองด้าน ด้านหนึ่งก็เป็นคนพาล อีกด้านหนึ่งเราก็เป็นฮีโร่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องไม่กลายเป็นคนพาลหรือคนเป็นพิษเสียเอง
ขอเพียงลูกเป็นคนที่ใจดี เป็นมิตรกับผู้อื่นเสมอ เชื่อมั่นและทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าให้ผู้ใหญ่ที่มีพฤติกรรมร้ายๆ มาเปลี่ยนแปลงความคิดและจิตใจที่ดีของลูกได้
3. ปล่อยให้สิ่งที่ท็อกซิกกลายเป็นก้อนเมฆ
คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกสามารถปล่อยให้พฤติกรรมที่ผู้ใหญ่ท็อกซิกนั้น ลอยไปเหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้า หรือเป็นเพียงสายลมที่พัดมา แล้วก็พัดผ่านหายไป
และไม่เป็นไรเลย หากลูกจะต้องเสียคนที่ทำให้รู้สึกแย่เมื่ออยู่ด้วย เช่น ลูกไม่จำเป็นต้องพยายามเอาชนะใจคุณครูที่ทำให้ลูกลำบากใจมากเกินไป แต่สามารถอยู่ร่วมกับคุณครูได้อย่างปกติสุขสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูก็คือ อย่าพยายามอยู่กับคนใจร้าย เพราะกลัวการต้องอยู่คนเดียว หรือเล่นคนเดียว เพราะแม้การอยู่คนเดียวอาจทำให้ลูกรู้สึกเหงา แต่การอยู่ร่วมกับคนท็อกซิกจะยิ่งทำให้ลูกรู้สึกแย่มากขึ้นกว่าเดิม
4. คุณพ่อคุณแม่ต้องคุยกับลูกได้ทุกเรื่อง
เด็กๆ ทุกคนมาพร้อมความฉลาด เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์บางอย่าง ลูกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แถมยังเข้าใจได้ง่าย แต่อาจจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก หรือไม่รู้ว่า ควรบอกหรือเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ตอนไหน
วิธีที่สุดในทุกสถานการณ์คือ การพูดคุยกับลูก ถามความคิดเห็นถามความรู้สึก ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ด้วยบรรยากาศที่ไม่ชวนให้อึดอัด เพื่อทำความเข้าใจความคิดและความรู้สึกที่แท้จริงของลูกด้วย
COMMENTS ARE OFF THIS POST