READING

พลังบวกเชิงลบ (Toxic Positivity) : 4 สัญญาณว่าคุณก...

พลังบวกเชิงลบ (Toxic Positivity) : 4 สัญญาณว่าคุณกำลังเป็นพ่อแม่ที่พยายามมีความสุขจนเป็นทุกข์

พลังบวกเชิงลบ

การเป็นคนมองโลกในแง่บวกมีข้อดีคือ ทำให้เป็นคนมีความสุขได้ง่าย มีสุขภาพจิตดีขึ้น มีความสัมพันธ์อันดีกับคนรอบข้าง สามารถปรับตัวได้ง่าย

แต่การพยายามมองโลกในแง่ดี คิดบวก หรือฝืนทำตัวมีความสุขตลอดเวลา อาจกลายเป็นการสร้าง พลังบวกเชิงลบ หรือการคิดบวกแบบเป็นพิษให้กับคนรอบข้าง โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ การยอมรับความจริงและเข้าใจอารมณ์ทุกแบบ ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความเศร้า เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกลูกเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็งและมีความสุขได้โดยไม่ต้องพยายามมองโลกในแง่บวกตลอดเวลา

เราเลยมาชวนคุณพ่อคุณแม่สังเกตสัญญาณที่บอกว่าการมองโลกในแง่ดีและพลังบวกที่คุณพ่อคุณแม่ตั้งใจมอบให้ลูก กำลังกลายเป็น พลังบวกเชิงลบ หรือ พ่อแม่ที่มองโลกในแง่บวกที่มากเกินพอดี (Toxic Positivity) อยู่หรือเปล่า…

1.  ‘คิดบวก’ จนมองข้ามความรู้สึกของลูก

ToxicPositivity_web_1

เวลาที่ลูกเศร้าหรือรู้สึกไม่ดี คุณพ่อคุณแม่อาจต้องการปลอบใจ ด้วยการรีบบอกให้ลูกมองโลกในแง่ดี เช่น “เรื่องเล็กน้อย ไม่เห็นเป็นไรเลย” หรือพยายามบอกให้ลูกมองปัญหาทุกอย่างในแง่บวกจนขัดแย้งกับความเป็นจริง เช่น “ลูกโกรธกับเพื่อนก็ดี จะได้ไม่ต้องมีเพื่อนมาแย่งของเล่นไงล่ะ”

ความจริงแล้ว เวลาที่ลูกต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ยากจะรับมือหรือจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ คุณพ่อคุณแม่ควรทำตัวเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการเผชิญและสำรวจอารมณ์ให้ลูก ไม่ใช่เร่มรัดให้ลูกพยายามข้ามผ่านไปให้เร็วที่สุด

งานวิจัยจาก American Psychological Association (APA) พบว่า เด็กที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เผชิญความผิดหวังหรือความล้มเหลว อาจมีความสามารถในการปรับตัวต่ำ (Low Resilience) เมื่อโตขึ้น

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกได้เรียนรู้ว่าความรู้สึกและอารมณ์ด้านลบเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ลูกจำเป็นต้องเรียนรู้ ยอมรับ และจัดการให้ได้ โดยไม่พยายามเก็บกดไว้จนอาจส่งผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ในระยะยาวได้

2. พยายามสร้างบรรยากาศที่ดี แม้ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม

ToxicPositivity_web_2

คุณพ่อคุณแม่อาจเข้าใจว่าบรรยากาศที่ดี จะช่วยให้ทุกอย่างราบรื่น จึงพยายามทำให้ทุกสถานการณ์เต็มไปด้วยความสุข แต่บางครั้งการพยายามสร้างบรรยากาศที่ดีจนมองข้ามปัญหาที่เกิดขึ้น กลับไม่เป็นผลดีต่อลูกอย่างที่คิด

เพราะสิ่งสำคัญกว่าก็คือการที่ลูกยอมรับว่า ‘มันโอเคที่เราจะผิดพลาดหรือผิดหวัง’ และเป็นเรื่องธรรมดาที่เราอาจต้องเจอสถานการณ์ที่ทำให้อึดอัดและควบคุมไม่ได้ หากคุณพ่อคุณแม่พยายามมองข้ามปัญหาที่เกิดกับลูก เช่น ไม่ยอมพูดถึง ทำตัวร่าเริงมีความสุขในเวลาที่ลูกกำลังเศร้า ลูกอาจรู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองไม่มีค่าและไม่ได้รับการยอมรับได้

ดังนั้น แทนที่จะเบี่ยงเบนความสนใจไปที่การสร้างบรรยากาศที่ดี ลองแสดงออกให้ลูกรู้ว่า พ่อแม่รับรู้และเข้าใจว่าลูกรู้สึกอย่างไร และพร้อมจะอยู่เคียงข้างเพื่อผ่านเรื่องราวแย่ๆ ไปด้วยกันเสมอ

3. เก็บกด เพราะไม่อยากให้ลูกเห็นความอ่อนแอ

ToxicPositivity_web_3

คุณพ่อคุณแม่อาจคิดว่าการเป็นพ่อแม่ที่ดีต้องเข้มแข็ง เลยพยายามซ่อนความเครียด ความเศร้า และความเหนื่อยล้าเอาไว้ไม่ให้ลูกรับรู้หรือวิตกกังวลตามไปด้วย

ความจริงก็คือ หากคุณพ่อคุณแม่รู้สึกเหนื่อยจากงาน การยอมรับกับลูกว่า “วันนี้แม่เหนื่อยมากเลย ขอพักสักหน่อย” หรือยอมรับว่า “แม่กำลังเครียดและพยายามหาทางจัดการปัญหานี้อยู่” จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ว่า ทุกคนมีวันที่เหนื่อย อ่อนแอ หรือรู้สึกไม่ดีได้แต่การพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกมากเกินไป อาจเพิ่มความเครียด กดดัน และกลายเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลถึงลูกในระยะยาวได้

4. สอนให้ลูกมองโลกในแง่ดี แต่ไม่สอนให้รับมือกับความเป็นจริง

ToxicPositivity_web_4

การมองโลกในแง่ดีเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าลูกถูกสอนให้เชื่อว่า ‘แค่คิดบวก แล้วทุกอย่างจะดีเอง’ โดยไม่เรียนรู้ทักษะการเผชิญกับความล้มเหลวหรือปัญหาในชีวิตจริง อาจส่งผลให้ลูกไม่มีภูมิคุ้มกันทางอารมณ์เมื่อเติบโตขึ้น

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ที่พยายามให้ลูกคิดบวกมากเกินไป อาจไม่ได้ช่วยให้ลูกมีความสุขหรือสุขภาพจิตดีขึ้น แต่อาจกลายเป็นทำให้ลูกรู้สึกกดดันและขาดทักษะในการจัดการกับอารมณ์ที่แท้จริง แต่การให้ลูกได้เรียนรู้ความรู้สึกทั้งด้านบวกและด้านลบ และรู้วิธีจัดการอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ลูกเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งและมีสุขภาพจิตที่ดีได้อย่างแท้จริง

อ่านบทความ: ภาวะคิดบวกเป็นพิษ (Toxic Positivity): เมื่อการสอนให้ลูกมองโลกในแง่บวกมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี
อ้างอิง
today
psychologytoday
istrong
pobpad

Supinya R.

ชอบอ่านนิยายสยองขวัญ ชอบเขียนไดอารี่ และเป็นคุณแม่จำเป็นในบางเวลา :-)

RELATED POST

COMMENTS ARE OFF THIS POST