READING

โรงเรียนอนุบาลป่า (Waldkindergarten) แนวทางการศึก...

โรงเรียนอนุบาลป่า (Waldkindergarten) แนวทางการศึกษาที่เชื่อมโยงเด็กกับธรรมชาติ

โรงเรียนอนุบาลป่า

ระบบการศึกษาในประเทศไทยส่วนมากยังคงเน้นให้การเรียนการสอนเกิดขึ้นในห้องเรียนเป็นหลัก แต่มีแนวคิดหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจจากพ่อแม่ทั่วโลก นั่นก็คือ โรงเรียนป่า (Forest School) เป็นการเรียนรู้ผ่านธรรมชาติ โดยเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เติบโตและพัฒนาทักษะชีวิตในสภาพแวดล้อมที่อิสระและใกล้ชิดกับธรรมชาติ

เยอรมนี เดนมาร์ก และประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย มักนิยมให้ลูกวัยอนุบาลเข้าเรียนใน โรงเรียนอนุบาลป่า หรือ Waldkindergarten ด้วยความเชื่อที่ว่าเด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อพวกเขาได้สัมผัสและใกล้ชิดกับธรรมชาติ

นอกจากนี้งานวิจัยหลายชิ้นยังแสดงให้เห็นว่า การเล่นกลางแจ้ง นอกจากจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังช่วยปลูกฝังการแก้ไขปัญหา การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง และยังช่วยให้เด็กสามารถปรับตัวในชีวิตจริงได้ดีขึ้นอีกด้วย

แต่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากทำความรู้จัก โรงเรียนอนุบาลป่า มากขึ้น เราทำการบ้านมาให้แล้วค่ะ

โรงเรียนอนุบาลป่า คืออะไร

แนวคิด Waldkindergarten เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศเดนมาร์ก ช่วงปี 1950 โดย Ella Flatau คุณแม่ที่พาลูกๆ ไปเล่นและเรียนรู้ในป่าเป็นประจำ จนพบว่าธรรมชาติช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้ดี เมื่อแนวทางนี้เริ่มได้รับความสนใจ ชุมชนในเยอรมนีก็นำแนวคิดไปพัฒนาและจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลป่าอย่างเป็นทางการขึ้นในปี 1968

หลังจากนั้น โรงเรียนอนุบาลป่าก็กลายเป็นแนวทางการศึกษาที่แพร่หลายในประเทศเยอรมนี โดยปัจจุบันมีมากกว่า 1,500 แห่ง ทั่วประเทศ และได้รับการรับรองจากหน่วยงานด้านการศึกษาของเยอรมนี

นอกจากนี้ หลายประเทศในยุโรป เช่น สวีเดน นอร์เวย์ สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์ ก็เริ่มนำแนวทางนี้มาใช้ โดยมีการปรับให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมและสภาพอากาศของแต่ละประเทศ

โรงเรียนอนุบาลป่า สอนอะไรบ้าง?!

แนวคิดของ Waldkindergarten เชื่อว่า เด็กเรียนรู้ดีที่สุดผ่านการเล่น ดังนั้น กิจกรรมจึงไม่ใช่การนั่งฟังครูสอนหน้าห้อง แต่เป็นการสำรวจธรรมชาติ เช่น เก็บใบไม้ สร้างบ้านจากกิ่งไม้ หรือเล่นกับดินโคลน นอกจากนี้เด็กๆ มักจะใช้เวลาทั้งวัน เรียนรู้และเล่นกลางแจ้ง ในป่า ทุ่งหญ้า หรือสวนสาธารณะ โดยไม่มีห้องเรียนเหมือนโรงเรียนทั่วไป

โดยส่วนใหญ่แล้วแนวคิด Waldkindergarten มักสอนทักษะชีวิตผ่านเรียนรู้ เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้การแก้ปัญหา การทำงานเป็นทีม และการดูแลตัวเองในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ เช่น การสังเกตสภาพอากาศ การระมัดระวังความปลอดภัยต่างๆ

ทำไมพ่อแม่ชาวเยอรมันถึงมักส่งลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลป่า (Waldkindergarten)

ระบบการศึกษาของประเทศเยอรมนีสนับสนุนให้เด็กๆ ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวจนถึงอายุ 6 ขวบ นั่นหมายความว่าเด็กเล็กยังไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียนก็ได้ แต่สำหรับครอบครัวที่ต้องการให้ลูกได้เข้าโรงเรียนก่อนวัยดังกล่าว พ่อแม่ชาวเยอรมันจึงมองว่า โรงเรียนอนุบาลป่า (Waldkindergarten) เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมของลูกมากที่สุด เพราะการเรียนรู้ในธรรมชาติช่วยให้เด็กๆ ฝึกฝนทักษะการใช้ชีวิตจริง การทำงานร่วมกับผู้อื่น และการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเติบโตต่อไปในอนาคต

นอกจากนี้ พ่อแม่ชาวเยอรมันมักมองว่า การใช้เวลาในธรรมชาติ จะช่วยให้เด็กๆ ได้ออกกำลังกาย พัฒนากล้ามเนื้อ ลดความเครียด กระตุ้นจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ และปลูกฝังให้เด็กๆ เห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อมได้

Waldkindergarten และ Forest School แตกต่างกันอย่างไร?

Waldkindergarten และ Forest School เป็นแนวทางการศึกษาที่คล้ายกันในเรื่องของการเรียนรู้กลางแจ้ง แต่ก็จะมีจุดแตกต่างกัน ดังนี้

 

Waldkindergarten (อนุบาลป่า)

• เป็นโรงเรียนอนุบาลที่เน้นให้เด็กอายุ 3-6 ปี ใช้เวลาทั้งวันอยู่ในป่าหรือธรรมชาติ มักจะไม่มีอาคารเรียนถาวร

• เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่น สำรวจธรรมชาติ และกิจกรรมสร้างสรรค์ โดยไม่มีการเรียนการสอนแบบดั้งเดิม

• มีแนวคิดว่าการเล่นอิสระในธรรมชาติช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กก่อนวัยเรียน

• แพร่หลายในประเทศเยอรมนีและประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย

 

Forest School (โรงเรียนป่า)

• เป็นแนวทางการศึกษาแบบยืดหยุ่น สามารถใช้กับเด็กได้ทุกวัย ไม่จำกัดแค่ระดับอนุบาล

• มักใช้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการศึกษาหรือเป็นค่ายกิจกรรม ไม่จำเป็นต้องเรียนในป่าทุกวัน

• มีครูหรือผู้นำกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ เช่น การจุดไฟ สร้างที่พัก หรือทำกิจกรรมเอาตัวรอด

• ได้รับความนิยมในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ

 

อ่านบทความ: โรคขาดธรรมชาติ (Nature Deficit Disorder) มีด้วยเหรอ?
อ้างอิง
smartergerman
เพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา
winnews.tv

Supinya R.

ชอบอ่านนิยายสยองขวัญ ชอบเขียนไดอารี่ และเป็นคุณแม่จำเป็นในบางเวลา :-)

COMMENTS ARE OFF THIS POST