พัฒนาการพูดของเด็กนั้นจะเริ่มตั้งแต่อายุ 8 เดือน ถึง 1 ขวบครึ่ง นั่นคือช่วงเวลาที่ลูกจะเริ่มจดจำศัพท์และฝึกพูดเป็นคำๆ เช่น พ่อ แม่ ไม่ ไป
พอเข้าสู่ช่วงอายุ 2 ปี ก็จะเริ่มพูดเป็นประโยคสั้นๆ ได้ เช่น ไม่เอา ไม่ชอบ ไม่ได้ และจะสามารถพูดได้หลายคำและประโยคยาวๆ ได้มากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่ออายุ 2-3 ปี ลูกจะสามารถพูดสื่อสารให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจความต้องการของตัวเองได้
แต่โดยทั่วไปแล้ว เด็กแต่ละคนอาจจะมีพัฒนาการด้านต่างๆ ช้าหรือเร็วแตกต่างกัน โดยเฉพาะพัฒนาการด้านภาษาและการพูด เพราะในขณะที่เด็กส่วนมากเริ่มพูดจาโต้ตอบได้ดีในวัย 2-3 ปี เด็กบางคนอาจยังพูดไม่ได้หรือพูดได้ไม่เป็นภาษา คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกก็จริง แต่ก็เป็นสิ่งคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตพัฒนาการลูกอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นไปได้ว่าอาจมีความผิดปกติบางอย่างที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง
1. ลูกอาจมีความผิดปกติทางร่างกาย
หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าทำไมลูกไม่ยอมพูด หรือพูดจาสื่อสารไม่เข้าใจสักที ควรลองสังเกตว่าลูกมีความผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วยหรือไม่ เช่น หูหนวก เป็นโรคสมาธิสั้น หรือภาวะออทิสติก
หากพบว่าลูกมีอาการหรือความผิดปกติอื่นร่วมกับการมีพัฒนาการพูดที่ล่าช้า จึงควรพาลูกไปพบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อสังเกตอาการและรักษาต่อไป
2. ความผิดปกติจากทางพันธุกรรม
โรคติดต่อทางพันธุกรรมไม่จำเป็นต้องติดต่อโดยตรงจากคุณพ่อคุณแม่เท่านั้น แต่อาจจะตกทอดมาจากรุ่นปู่ย่าตายายที่มีพัฒนาการด้านการพูดและสื่อสารได้ช้า หรือติดนิสัยพูดด้วยภาษาต่างดาวที่ไม่มีความหมายเหมือนกัน ซึ่งลักษณะอาการเหล่านี้อาจนำมาสู่พฤติกรรมของรุ่นลูกหรือหลานได้
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรละเลยการฝึกฝนให้ลูกได้หัดพูดอย่างสม่ำเสมอ และเมื่อถึงเวลาที่สมควรลูกก็จะเริ่มพูดและสื่อสารได้ตามปกติค่ะ
3. เล่นกับลูกด้วยภาษาต่างดาว
เวลาที่เด็กๆ พูดแล้วไม่เป็นคำ หรือพูดเป็นคำแปลกๆ ที่ไม่เข้าใจ คุณพ่อคุณแม่ฟังแล้วอาจจะรู้สึกชอบใจ ก็เลยใช้วิธีพูดคุยและเล่นกับลูกด้วยการพูดเลียนแบบภาษาของเขา เช่น แกล้งพูดไม่ชัด หรือใช้ภาษาต่างดาวพูดสื่อสารกับลูก ซึ่งสามารถทำได้ แต่ไม่ควรทำเป็นประจำจนติดเป็นนิสัยหรือทำให้ลูกเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะการที่ลูกคุ้นเคยกับการพูดภาษาต่างดาว ไม่พูดเป็นคำ พูดในสิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจความหมายได้โดยไม่มีการพูดสอนด้วยคำที่ถูกต้อง จะทำให้ลูกเข้าใจว่าเขาสามารถใช้ภาษาเหล่านี้ต่อไปได้
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกจดจำคำศัพท์และออกเสียงพูดคำต่างๆ ให้ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ จะสามารถช่วยให้เขาเรียนรู้และเลียนแบบตามคุณพ่อคุณแม่ได้ค่ะ
4. ลูกใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากเกินไป
หากปล่อยให้ลูกใช้เวลาในการดูสื่อต่างๆ ผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โทรทัศน์ หรือคอมพิวเตอร์มากเกินไป เช่น ให้ลูกดูการ์ตูนในโทรทัศน์มากเกินไป ลูกอาจจะเลียนแบบการพูดเร็วๆ หรือพูดไม่เป็นภาษาแบบตัวการ์ตูน และเป็นการพูดตามโดยไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง เพราะเป็นการพูดที่ไม่มีการโต้ตอบ นอกจากจะทำให้ลูกไม่สามารถเข้าใจความหมายของคำแล้ว และยังส่งผลให้เกิดปัญหาสมาธิสั้นเพราะไม่สามารถจดจ่ออยู่กับอะไรได้นานอีกด้วย
5. ปล่อยให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเอง
หลายครอบครัวคุณพ่อคุณแม่อาจจะไม่มีเวลาดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ทำให้พลาดโอกาสที่จะได้รู้ว่าลูกได้เรียนรู้อะไรบ้างระหว่างวัน เช่น ลูกอาจจะไม่มีใครคอยพูดคุยด้วย ทำให้ลูกไม่รู้วิธีการสื่อสาร ไม่มีคนคอยสอนว่าสิ่งต่างๆ นั้นเรียกว่าอะไร ทำให้ลูกต้องเรียนรู้ที่จะคิดคำเรียกสิ่งต่างๆ ขึ้นมาเอง
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรหาเวลาพูดคุยกับลูกให้มากขึ้น เพื่อฝึกพัฒนาการด้านการพูดและภาษาอย่างสม่ำเสมอ และขอความร่วมมือจากคนที่ดูแลลูกให้ช่วยฝึกให้ลูกมีวิธีการพูดที่ถูกต้องต่อไปด้วย
COMMENTS ARE OFF THIS POST