41 WEEKS ของว่าที่คุณแม่

ตัวช่วยสำหรับว่าที่คุณแม่มือใหม่มาถึงแล้ว! ตั้งแต่เริ่มแรกว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ให้เจ้าตัวเล็กที่จะคัมมิ่งทูทาวน์ในอีกไม่ถึงปีข้างหน้านี้ ซึ่งช่วงเตรียมตัวก่อนตั้งท้องสักสองเดือนนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเลือกโรงพยาบาลและคุณหมอที่มั่นใจและเชื่อถือได้ไว้ก่อน เพื่อตรวจสุขภาพของทั้งคู่ก่อน หรือจะลองใช้แอปฯ (อ่านเพิ่มเติม คลิก) นับสเปิร์มของคุณพ่อดูก่อนก็ได้ เพราะทั้งคุณพ่อและคุณแม่ก็มีส่วนในการตั้งครรภ์เช่นกัน (อ่านเพิ่มเติม คลิก) และอย่าลืมปรึกษาแพทย์เรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสก่อนตั้งครรภ์ด้วยนะคะ

ทีนี้มาดูกันว่าหลังจากนั้นคุณแม่คุณพ่อจะต้องเตรียมทำอะไรบ้าง เพื่อรักษาสุขภาพกายสุขภาพใจให้แฮปปี้กันไปยาวๆ จนถึงวันคลอด มาดูกันเลย

ก่อนท้อง 2 เดือน สำหรับคุณแม่ที่เตรียมจะมีลูก

ซึ่งช่วงเตรียมตัวก่อนตั้งท้องสักสองเดือนนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเลือกโรงพยาบาลและคุณหมอที่มั่นใจและเชื่อถือได้ไว้ก่อน เพื่อตรวจสุขภาพของทั้งคู่ก่อน หรือจะลองใช้แอปฯ (อ่านเพิ่มเติม คลิก) นับสเปิร์มของคุณพ่อดูก่อนก็ได้ เพราะทั้งคุณพ่อและคุณแม่ก็มีส่วนในการตั้งครรภ์เช่นกัน (อ่านเพิ่มเติม คลิก)

ก่อนท้อง 1 เดือน สำหรับคุณแม่ที่เตรียมจะมีลูก

อย่าลืมปรึกษาแพทย์เรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสก่อนตั้งครรภ์ด้วยนะคะ
ทีนี้มาดูกันว่าหลังจากนั้นคุณแม่คุณพ่อจะต้องเตรียมทำอะไรบ้าง เพื่อรักษาสุขภาพกายสุขภาพใจให้แฮปปี้กันไปยาวๆ จนถึงวันคลอด มาดูกันเลย

Week 1

– ปรึกษาแพทย์เรื่องฉีดวัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม (MMR), ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV)

– เช็กประกันสุขภาพของตัวเองและสามี

– ตรวจโรคทางพันธุกรรมหรือโครโมโซมอื่นๆ

– เริ่มกินวิตามินบำรุงสำหรับคุณแม่ที่ต้องการจะตั้งครรภ์

ทานอาหารที่ช่วยเพิ่มอัตราการเจริญพันธุ์

– เลิกบุหรี่ และหยุดพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพทั้งหมด

Week 2

– ลดปริมาณกาเฟอีนที่กินในแต่ละวัน

– ปรึกษาคุณหมอเรื่องการใช้ยา เลือกใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ที่ปลอดภัยสำหรับคนท้องเท่านั้น

– กินอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณพอเหมาะ

– อย่าออกกำลังกายหนักเกินไป

Week 3

– มองหาสัญญาณการตั้งครรภ์ เช่น เจ็บหน้าอก เป็นตะคริว เมื่อยล้า ท้องอืด ท้องผูก อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนช่วงประจำเดือนจะมา

– เตรียมเครื่องตรวจครรภ์

Week 4

– พอประจำเดือนขาดปุ๊บ ก็ใช้เครื่องตรวจครรภ์ได้เลย หากขึ้นสองขีด แม้จะจางๆ ก็แสดงว่าคุณแม่ตั้งครรภ์แล้วแน่นอน

– บอกข่าวดีกับสามีได้!

– นัดคุณหมอเพื่อตรวจและฝากครรภ์

Week 5

– เริ่มอ่านหนังสือหรือประสบการณ์เกี่ยวกับการตั้งครรภ์

– จดบันทึกรายวันถึงอาการ หรือคำถามที่เกิดขึ้น

– เข้าร่วมกรุ๊ปไลน์ กรุ๊ปเฟซบุ๊ก ที่สมาชิกเป็นคนตั้งท้องวัยเดียวกัน เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือขอความช่วยเหลือกับคนที่เข้าใจเราแน่นอน

– ดื่มน้ำให้เพียงพอ

– ปรึกษาประกันสุขภาพ และศึกษาสิทธิต่างๆ ที่คุณแม่ตั้งครรภ์จะได้รับ หรือคิดเรื่องเปิดบัญชีออมทรัพย์ให้ลูกน้อย (ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก)

Week 6

– เริ่มบอกข่าวดีกับคนในครอบครัว

– ให้คุณสามีเป็นคนดูแลเรื่องความสะอาดของสัตว์เลี้ยง

– ทดลองบรรเทาอาการแพ้ท้องด้วยวิธีการต่างๆ (อ่าน 10 วิธีเอาชนะอาการแพ้ท้อง)

– ตัดสินใจว่าพอใจกับคุณหมอคนปัจจุบันหรือไม่ ถ้าไม่ ก็ได้เวลาสำหรับการมองหาคุณหมอคนใหม่แล้ว

Week 7

– เริ่มจัดตารางเวลาและเตรียมตัวเข้ารับการตรวจครรภ์

– รวบรวมคำถามที่อยากรู้ไปถามคุณหมอ

– โละผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีอันตรายเป็นส่วนประกอบ

– เตรียมซื้อเสื้อผ้าสำหรับคนท้อง เพื่อไม่ให้เสื้อผ้าประจำวันต้องยืดก่อนเวลาอันควร

Week 8

– ซื้อชุดชั้นในใหม่ ไม่ว่าจะเป็นบราสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ หรือบราที่ขนาดใหญ่ขึ้นและนุ่มกว่าเดิมก็ได้ทั้งนั้น

– ออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ เป็นประจำทุกวันเบาๆ วันละอย่างน้อย 30 นาที เช่น ท่าสควอต จะช่วยให้คลอดง่ายขึ้น

– ถ้าเริ่มมีอาการจุกเสียด ให้ปรึกษาคุณหมอเรื่องการใช้ยาลดกรด

Week 9

วางแผนค่าใช้จ่ายของลูกน้อย

– ทำ to-do-list วางแผนสิ่งที่ต้องสะสางให้เรียบร้อยก่อนวันคลอด

– เช็กและเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดภายในบ้าน ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารอันตราย

– กินผักและผลไม้ให้เพียงพอ

Week 10

– ใช้วิธีธรรมชาติแก้ปัญหาอาหารไม่ย่อย เช่น ดื่มน้ำขิง หรือเดินไปเดินมาหลังมื้ออาหาร

– ชอปปิ้งชุดคลุมท้อง

– ศึกษานโยบายการลาคลอดของบริษัท

– หากคุณแม่เคยผ่าคลอดมาก่อน แต่ท้องนี้ต้องการคลอดธรรมชาติ ก็เริ่มปรึกษาคุณหมอไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ

Week 11

– ทาครีมบำรุงหน้าท้อง สะโพก และต้นขาเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันอาการคันหรือผิวแห้งแตก (6 ไอเท็มความงามที่คุณแม่มือใหม่ไม่ควรพลาด)

– หลีกเลี่ยงการใช้อ่างอาบน้ำร้อน ห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำ การออกกำลังกายกลางแดดหรืออากาศร้อนๆ รวมถึงกิจกรรมที่จะทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่า 39 องศาเซลเซียส

– หากคุณหมอไม่ขัดข้อง ให้คุณแม่ขอตรวจความผิดปกติของโครโมโซม ด้วยวิธี NT Scan (การอัลตราซาวนด์เพื่อดูความใสของเนื้อเยื่อท้ายทอยของทารก) หรือ CVS (การนำเซลล์จากเนื้อเยื่อรกที่เกาะกับผนังมดลูกไปตรวจ)

– ฟังการเต้นของหัวใจของลูกน้อยด้วยวิธี Doppler Ultrasound ตามที่แพทย์นัด

Week 12

– เริ่มต้องมีหมอนมารองรอบตัวคุณแม่ตอนนอน

– อย่าลืมยืดเส้นยืดสายหรืออบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง เพราะตอนนี้เอ็นและข้อต่อของคุณแม่ไม่ได้กระชับเหมือนปกติ

– ถ้าท้องลูกแฝด คุณหมออาจตรวจพบลูกอีกคนในการอัลตราซาวนด์ครั้งหน้า

Week 13

– มาตั้งชื่อลูกกันเถอะ

– เริ่มนอนตะแคง

– กินอาหารมื้อเล็กๆ บ่อยๆ เพื่อป้องกันอาการจุกเสียด

Week 14

– บอกข่าวดีกับเพื่อนๆ และที่ทำงานได้แล้วว่าคุณกำลังจะมีลูก

– ถ้าอยากเก็บรูปถ่ายของตัวเองระหว่างตั้งครรภ์ ก็น่าจะเริ่มที่ช่วงสัปดาห์นี้

Week 15-16

– ลองเข้าคลาสโยคะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

– ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรงด้วยการบริหารกระดูกเชิงกราน

https://www.youtube.com/watch?v=yss6RJlnUmA

– ถ้าคุณแม่อายุมากกว่า 35 ปี อาจต้องวางแผนการเจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจสภาวะของทารกในครรภ์ (Amniocentesis)

– ปรึกษาคุณหมอเรื่องการตรวจหาสารเคมีในเลือด (Quad Test)

– ร่างกายคุณแม่ต้องได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอ

Week 17

– ต่อสู้กับ ‘ความขี้ลืมของคนตั้งครรภ์’ ด้วยการจดบันทึก

– ดูแลตัวเองด้วยการนวดก่อนคลอด

– เข้าคลาสเตรียมเป็นคุณแม่ การช่วยชีวิตทารกเบื้องต้น การให้นมลูกในกรณีคลอดก่อนกำหนด หรือการดูแลเด็กแรกเกิด (30 โรงพยาบาลใจดีที่มีคอร์สอบรมฟรีๆ สำหรับนิวมัมนิวแด๊ด)

– เตรียมสเปรย์เกลือแร่หรือเครื่องเพิ่มความสดชื่น เพื่อช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้าต่างๆ ระหว่างตั้งครรภ์

Week 18

– หาเบาะรองหลังเวลานั่งหรือเก้าอี้รองฝ่าเท้า เพื่อบรรเทาอาการปวดหลัง

– ช่วงนี้อาจได้รู้เพศของลูกในท้องจากการอัลตราซาวนด์

Week 19

– มองหาเฟอร์นิเจอร์สำหรับใช้ต้อนรับลูกน้อย

Week 20-21

– เริ่มวางแผนชีวิตหลังมีลูกกับคุณสามีอย่างจริงจังได้แล้ว

– หารองเท้าพื้นเรียบหรือรองเท้าที่ใส่สบายมาใส่แทนรองเท้าส้นสูง

– รู้อาการและความเสี่ยงของภาวะครรภ์เป็นพิษ เพื่อป้องกันและแก้ไขได้ถูกทาง

– จัดการพื้นที่ในบ้านให้เหมาะกับการมีทารกเป็นสมาชิกใหม่

Week 22-23

– เพื่อความรื่นเริง วางแผนจัดปาร์ตี้รับขวัญลูกน้อยกันดีกว่า

– หลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง หรือนั่งและยืนนานๆ เพราะจะทำให้เลือดไปสะสมที่ต้นขาและกลายเป็นเส้นเลือดขอด

– ชอปปิ้งชุดคลุมท้องเพิ่มอีกหน่อย

– ตั้งชื่อจริงและชื่อเล่นให้ลูกแบบจริงจังได้แล้ว

Week 24

– ถ้าคุณแม่ยังตั้งใจว่าจะทำงานประจำเหมือนเดิม อาจต้องมองหาเนิร์สเซอรี่หรือพี่เลี้ยงเด็กเอาไว้บ้าง

– เข้ารับการทดสอบเบาหวานขณะตั้งครรภ์

Week 25

– อัปเดตหรือจัดการทำประกันชีวิตของคุณใหม่ หรือมองหาคนที่จะดูแลลูกแทนได้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน

– วางแผนและเตรียมตัวหากเกิดเหตุจำเป็นที่ต้องคลอดก่อนกำหนด

Week 26

– ถ้าอยากไปเที่ยวก่อนคลอด ควรไปในช่วงสัปดาห์นี้ เพราะหลังจากนี้คุณแม่ไม่ควรเดินทางไกลแล้ว

Week 27

– จัดห้องให้ลูก

– ศึกษาเรื่องการเก็บสเต็มเซลล์ของลูกน้อย

Week 28

– เริ่มไปพบคุณหมอทุกสองสัปดาห์

– ตรวจสอบความปลอดภัยของบริเวณบ้าน เช่น พื้นห้องน้ำ ปลั๊กไฟ หรือประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย

– ลูกเริ่มดิ้นจนรู้สึกได้จากการสัมผัสภายนอก ไม่เชื่อลองเรียกคุณพ่อมาจับท้องเวลาลูกดิ้นดู

– ถอดเครื่องประดับประจำตัวที่มีปลายแหลมหรือคมออกจนกว่าจะคลอดลูก

Week 29

– เริ่มชอปปิ้งของรับขวัญเจ้าตัวน้อย

– กินอาหารที่มีไฟเบอร์ให้มาก เพื่อป้องกันอาการท้องผูกและริดสีดวงทวาร

Week 30

– สังเกตการดิ้นหรือเตะของลูกมากขึ้น

– แพ็กกระเป๋าไปโรงพยาบาลสำหรับคุณแม่และคุณพ่อคนละใบ

– ศึกษาอาการปากมดลูกเปิดของคนใกล้คลอดเอาไว้เพื่อสังเกตตัวเอง

– บริหารร่างกายในท่าที่จะช่วยให้คลอดลูกได้สะดวก (ท่าที่บริหารอุ้งเชิงกราน)

https://www.youtube.com/watch?v=FbS2YbLGmbI

Week 31

– กินอาหารที่มีธาตุเหล็กเยอะๆ (เช่น ผักโขม ถั่ว ปลา เป็นต้น)

– วางแผนลาคลอด

– เตรียมเครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้นและกรณีฉุกเฉิน

Week 32

– หาคนดูแลบ้านหรือสัตว์เลี้ยง ในวันที่คุณแม่ต้องไปคลอด

– ตัดผมไว้เลยก็ดี เพราะถ้าลูกคลอดออกมาแล้ว คุณแม่อาจจะไม่มีเวลาออกไปเสริมสวยได้ง่ายๆ

– เตรียมพื้นที่เลี้ยงเด็กทารกให้เรียบร้อย

– หลังจากนี้ คุณแม่ต้องไปพบคุณหมอทุกสัปดาห์แล้ว

Week 33

– ทำความสะอาดบ้านและรถเตรียมรับลูกน้อย

– ติดตั้งคาร์ซีตให้พร้อมใช้งาน และวางแผนเส้นทางไปโรงพยาบาลให้ดี

Week 34

– เตรียมหาประกันสุขภาพเพื่อลูกน้อย

Week 35

– เช็กว่าซื้อของใช้ที่จำเป็นสำหรับลูกครบหรือยัง (ของฝาก (คุณแม่) นักชอป ต้องมีไหมไอเท็มนี้?)

Week 36

– กำหนดแผนวันคลอดให้เรียบร้อย

– พักผ่อนให้เพียงพอ นอนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

Week 37

– เตรียมแพมเพิร์สหรือนมผง (กรณีคุณแม่ไม่ได้ให้นมแม่) ไว้ให้เพียงพอ

– ทำความสะอาดเสื้อผ้าและเครื่องนอนของลูกเตรียมไว้

Week 38

– เตรียมเงินสดหรือจัดการเรื่องการเงินที่ต้องใช้จ่ายที่โรงพยาบาล

– ลิสต์รายชื่อและเบอร์โทร.คนที่คุณแม่ต้องการติดต่อหลังคลอดเอาไว้ที่คุณพ่อ

Week 39

– เตรียมทุกอย่างให้พร้อม เผื่อว่าถ้าคุณแม่ต้องคลอดก่อนกำหนด

Week 40

– ตั้งสติให้พร้อมหากเกิดภาวะน้ำเดินหรือมีเลือดออก

– สังเกตอาการการบีบและหดตัวของมดลูก

– นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

– ทำกิจกรรมที่ช่วยเร่งคลอด เช่น เดินเล่นบ่อยๆ หรือนวดเต้านม

Week 41

– ไปโรงพยาบาลเพื่อเตรียมคลอดกันได้แล้ว

อ้างอิง
Parents

Avatar

สาวยุค 90's ลูกครึ่งจีนฮ่องกง feat. เชียงใหม่ ที่พูดฮ่องกงไม่ได้ อู้กำเมืองบ่จ้าง ติดนิยาย รักการจดบันทึกและการกินเหนือทุกสิ่งอย่าง มีลูกสาวเป็นหมาอ้วนสีเหลืองอ่อน

RELATED POST