“ทุกคนรู้จักซานตาคลอส ทุกคนมีเรื่องเล่าของซานตาคลอสในแบบของแต่ละคน ผมก็มีเรื่องเล่านั้นในมุมมองของผมเอง” เมาริ คุนนาส นักเขียนและนักวาดการ์ตูนชาวฟินแลนด์เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม แววตาซุกซนขี้เล่น ขณะพูดถึงผลงานหนังสือชุด ‘ซานตาคลอส’ ที่โด่งดังไปทั่วโลกของเขา
เราพบกันวันรุ่งขึ้นหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว นี่เป็นประสบการณ์แผ่นดินไหวครั้งแรกของคุณเมาริ กุนนัส (Mauri Kunnas) และคุณตาร์ยา กุนนัส (ภรรยา) หลังจากเมื่อวานเพิ่งติดอยู่ในรถกับการจราจรกรุงเทพฯ ในวันแผ่นดินไหวกว่าสามชั่วโมง เมาริและตาร์ยายังต้องให้สัมภาษณ์กับสื่อฟินแลนด์อีกสองสามเจ้าที่โฟนอินเข้ามาพูดคุยถามไถ่ถึงเหตุการณ์น่าตื่นเต้นสำหรับคนอีกซีกโลก การที่มีสื่อติดต่อมาสัมภาษณ์ข้ามฝั่งโลกขนาดนี้ บอกให้เรารู้ถึงความโด่งดังของคนทั้งสอง ใช่แล้ว เมาริ กุนนัส คือนักเขียน-นักวาด ที่มีชื่อเสียงจากฟินแลนด์ และตอนนี้ (ซึ่งก็คือตอนนั้น) เขากำลังคุยกับเราอยู่ที่เมืองไทย!
ชื่อเสียงของ เมาริ กุนนัส ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในฟินแลนด์เท่านั้น แต่หนังสือของเขาได้รับการแปลออกไป 37 ภาษา สำหรับตีพิมพ์ใน 36 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ทำให้เราได้รู้จักชื่อเมาริผ่านหนังสือภาพชุด ‘คุณปุ๊บปั๊บแพะขี้ละเมอ’ และชุด ‘ซานตาคลอส’ โดยสำนักพิมพ์ Barefoot Banana เรื่องราวถูกบอกเล่าผ่านภาพวาด และตัวละครที่ทั้งน่ารัก ซุกซน และตลก ทำให้นักอ่านสามารถเชื่อมต่อกับเรื่องเล่าที่สอดแทรกวัฒนธรรม ความเชื่อ วิถีชีวิตของคนฟินน์เอาไว้ได้อ่านราบรื่นแนบเนียน

จากนักวาดการ์ตูนเสียดสีสู่นักเขียนนิทานเด็ก
“ผมเคยทำงานวาดการ์ตูนลงในนิตยสารเพลง วาดการ์ตูนเสียดสีการเมืองในหนังสือพิมพ์” เมาริเล่าถึงจุดเริ่มต้นการทำงาน “ผมมีพรสวรรค์ในการวาดคนให้ดูเหมือนตัวจริงนะ” เขาเล่าด้วยรอยยิ้มกวนๆ จากนักศึกษาศิลปะที่สนใจวงการเพลงและชื่นชอบวง The Rolling Stone เมาริเริ่มฝึกฝนฝีมือการวาดภาพล้อเลียนการเมืองตั้งแต่สมัยเรียน ก่อนจะก้าวเข้าสู่วงการโฆษณา และในที่สุดก็หันมาสร้างสรรค์หนังสือภาพสำหรับเด็ก
เราถามเขาว่า ในตอนที่จะเริ่มทำหนังสือเด็ก คุณรู้จักหรือมีประสบการณ์กับเด็กๆ มากแค่ไหน คุนนาสตอบกับเราอย่างไม่ลังเลและแฝงอารมณ์ขันเช่นเคย “ผมเคยเป็นเด็ก ดังนั้นผมก็รู้จักเด็ก” เขาพูดพร้อมหัวเราะ “ตอนนั้นผมยังไม่มีลูก แต่ในวัยเด็กผมอ่านหนังสือเยอะ อ่านการ์ตูนเยอะ” ก่อนที่ตาร์ยาจะเสริมขึ้นมา “ฉันคิดว่าเขาเป็นคน Childish เขาคิดอะไรเหมือนเด็กๆ”
ก้าวแรกสู่โลกหนังสือภาพ
ก่อนที่จะมี ซานตาคลอส และ คุณปุ๊บปั๊บแพะขี้ละเมอ ผลงานเล่มแรกที่ทำให้เมาริก้าวเข้าสู่วงการหนังสือเด็กคือการเขียนเรื่องราวของเอลฟ์—เผ่าพันธุ์เล็กๆ แสนมหัศจรรย์ในตำนานนอร์ดิก เอลฟ์เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ตามชนบทและป่าเขา พวกเขามีเสน่ห์ลึกลับและมีความสัมพันธ์พิเศษกับธรรมชาติ คุนนาสนำเอาความเชื่อพื้นบ้านนี้มาปรับให้เป็นเรื่องราวที่เข้าถึงได้สำหรับเด็กๆ สร้างเป็นโลกของเอลฟ์ที่มีชีวิตชีวาและน่ารัก เมื่อตั้งหลักกับหนังสือภาพได้แล้ว ผลงานเล่มต่อมาเขาจึงคงใช้ภาพเล่าเรื่องวิถีชีวิตในฟาร์ม สะท้อนความเป็นอยู่ของคนฟินน์ในยุคสมัย 1800 เป็นเล่มที่ตาร์ยาพูดอย่างมีอารมณ์ขันว่า “มันคือ Survival book เพื่อให้เด็กๆ ได้เห็นว่าในยุคที่เราไม่มีเทคโนโลยีอะไรเลยเราอยู่กันได้อย่างไร”

ซานตาคลอสแห่งฟินแลนด์
เมื่อถามถึงแรงบันดาลใจในการสร้างตำนานซานตาคลอส เมาริก็ตอบด้วยสายตาเปล่งประกาย
ทุกคนรู้จักซานตาคลอส เขาใจดี มีเอลฟ์ช่วยทำของเล่นไปแจกให้เด็กๆ และก็อยู่แถวนั้นแหละ ทางเหนือ บนๆ ขึ้นไป ในที่ที่หนาวๆ บางคนบอกว่าเขาอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ แต่ผมว่าเขาอยู่ที่นี่แหละ ที่ฟินแลนด์” เขาหัวเราะเบาๆ “ผมเชื่อมาตั้งแต่เด็กว่าเขาอยู่ตรงนี้ ผมก็เลยเล่าเรื่องตามสิ่งที่ผมเชื่อ แล้วมันก็กลายเป็นหนังสือที่ฮิตไปทั่วโลก”
“ตอนที่หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ พวกเราไม่ได้อยู่ที่เฮลซิงกิ สำนักพิมพ์ส่งหนังสือมาให้พวกเราทางไปรษณีย์ ผมยังจำได้เลยว่าตอนที่เปิดพัสดุออกมาแล้วเห็นหนังสือ คิดในใจว่า นี่มันอะไรวะเนี่ย” เขาหัวเราะ “พูดตามตรงก็คือผมไม่พอใจในคุณภาพของมันเลย ผมไม่ได้ดูหนังสือเล่มนี้ก่อนมันจะพิมพ์ แล้วทางสำนักพิมพ์ส่งมาให้หลังมันตีพิมพ์แล้ว ผมเปิดดูแล้วจำความรู้สึกได้เลยว่า ‘Shit, this is terrible. We’ve spent time working on it for a year and this is the result.’
แต่ด้วยเสน่ห์ของเรื่องราวและภาพประกอบที่มีเอกลักษณ์ ซานตาคลอสกลับประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม จนกลายเป็นซีรีส์ซานตาคลอสทั้งหมดสี่เล่ม และนำความสำเร็จมาให้อย่างที่เขาไม่เคยคาดฝัน ความสำเร็จของหนังสือเล่มนี้ทำให้เมาริตัดสินใจลาออกจากงานประจำ “หลังจากทำหนังสือเด็กได้สามเล่ม ผมก็เลิกทำงานหนังสือพิมพ์และนิตยสาร และมาทำหนังสือเด็กเต็มตัว” เขาเล่าถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตการทำงาน

เมื่อตัวประกอบกลายเป็นดารา: กำเนิดคุณปุ๊บปั๊บ
หลังประสบความสำเร็จกับซานตาคลอส เมาริได้สร้างผลงานอื่นๆ อีกมากมาย แต่เรื่องราวการกำเนิดตัวละครที่โด่งดังอย่างคุณปุ๊บปั๊บที่เราคุ้นเคยกันดีนั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
“ผมทำหนังสือเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนกลางคืนที่เราหลับอยู่ ทีนี้เมื่อเราพูดถึงตอนกลางคืน มันก็ต้องมีคนนอนละเมอ”
“ฉากหนึ่งในหนังสือเป็นที่ด้านหน้าของไนต์คลับ ผู้คนต่อแถวกันซื้อฮอตด็อก แล้วผมก็วาดแพะที่ละเมอมาซื้อฮอตด็อก ไม่ได้คิดอะไรเลย แค่คิดว่ามันต้องมี และมีเจ้าแพะตัวนี้อยู่ที่หน้าอื่นด้วย ไม่มีเหตุผลอะไร ไม่ได้มีชื่อ เป็นแค่ตัวละครที่โผล่มาในฉากหลัง เป็นตัวประกอบแค่นั้นเอง”
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น…
“หลังจากนั้นเมื่อมันโผล่มาบ่อยๆ เด็กๆ ก็เริ่มถามหาว่า เจ้าแพะอยู่ไหน ทำไมเล่มนี้ไม่มีเจ้าแพะ เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา” เขาพูดถึงเจ้าแพะด้วยรอยยิ้มกว้าง “ผมจึงตั้งชื่อให้ว่า Hakkarainen* ซึ่งก็เป็นชื่อธรรมดาๆ แต่สำนักพิมพ์บอกว่า ‘เฮ้ย เค้าดังนะ เรามาทำหนังสือของคุณ Hakkarainen กันดีกว่า” นั่นจึงเป็นที่มาของหนังสือชุด Herra Hakkarainen หรือ คุณปุ๊บปั๊บแพะขี้ละเมอ
(Hakkarainen คนที่มีเชื้อสายมาจากหมู่บ้านหรือสถานที่ชื่อ ‘ฮัคการ์’ ในฟินแลนด์—ผู้เรียบเรียง)

อ่านสนุกทุกคนด้วยพลังของอารมณ์ขัน
เราจะรู้สึกได้ถึงอารมณ์ขันที่อยู่ในหนังสือทุกเล่มของเมาริ เป็นอารมณ์ขันแบบที่เด็กก็สนุก แต่บางทีผู้ใหญ่อาจสนุกกว่า เราจึงถามว่าอารมณ์ขันพวกนี้เขาได้แต่ใดมา เขาบอกว่า “อาจจะเป็นเพราะโดนัลด์ ดั๊ก” (หัวเราะ)
เขาโตมากับการอ่านการ์ตูนดิสนีย์ มีโดนัลด์ ดั๊ก และมิกกี้ เม้าส์ เป็นเพื่อน อิทธิพลนี้ยังนำมาซึ่งการเลือกใช้ตัวละครที่เป็นสัตว์ดำเนินเรื่องราว นอกจากนั้นงานของเขายังได้รับอิทธิพลจากหนังสือภาพของ Richard Scarry อีกด้วย
“งานของ Richard Scarry มีผลต่อผมมากๆ จำได้ว่าผมได้อ่านหนังสือของเขา (Scarry) แล้วรู้สึกว่ามันสนุก มันสร้างความเข้าใจในงานหนังสือภาพสำหรับเด็กต่อผมมาก ทั้งเรื่องตัวละครและอารมณ์ขัน ผมคิดว่าเป็นเพราะเขานี่แหละ….อ้อ แล้วก็ โดนัลด์ ดั๊ก ด้วย”

หนังสือเล่มต่อไป ในวัย 75 ปี
นอกจากหนังสือสำหรับเด็กที่มีตัวการ์ตูนน่ารักแล้ว งานส่วนใหญ่ของเมาริยังเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของชาวฟินแลนด์ เขานำเอาหนังสืออย่าง เจ็ดภราดร (Seven Brothers) หรือ กาเลวาลา (Kalevala) เทพปกรณัมพื้นบ้านของฟินแลนด์ มาเล่าให้ง่ายขึ้นในรูปแบบหนังสือภาพ เราแซวว่าเขาช่วยให้นักเรียนฟินแลนด์สอบผ่านกันเป็นแถวแน่ๆ ตาร์ยากล่าวเสริมขึ้นมา “เมาริทำหนังสือพวกนี้เยอะมาก จนมีเด็กนักเรียนบางคนคิดว่า เขาเป็นคนเขียนตำนานพวกนี้” เราทุกคนหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
เรื่องเล่าที่ย่อยมาให้เข้าใจง่ายและอ่านสนุก มีเบื้องหลังเป็นการเคี่ยวกรำทำงานอย่างเข้มข้น เมาริต้องใช้เวลาศึกษาข้อมูลเรื่องที่เขาจะเล่าให้ลึกซึ้ง ดึงเอาหัวใจสำคัญของมันออกมา ก่อนจะถ่ายทอดใ้ห้ผู้อ่าน ซึ่งก็คือเด็กๆ ได้เข้าใจด้วยความสนุกสนาน มันเป็นการทำงานที่หนัก เขาทำงานหนักมาตลอดชีวิต จนถึงตอนนี้ที่เขาบอกว่า “Nothing on the table now. I feel so lazy now.”
เราก็เลยลองยั่วถามต่อไปว่า แล้วยังมีเรื่องอะไรไหมที่มันรบกวนจิตใจคุณอยู่ ยังรู้สึกอยากเล่าหรืออยากทำเรื่องนี้ เผื่อวันนึงเกิดไม่ขี้เกียจขึ้นมา… เขาคิดสักครู่ก่อนจะบอก “เรื่องของ Troy รวมถึงประวัติศาตร์เทพปกรณัมของกรีก ผมอยากเล่าเรื่องพวกนั้น แต่มันเป็นงานที่ใหญ่มาก ผมต้องเข้าไปเรียนรู้เรื่อง Greek Mythology และเทพเจ้าต่างๆ มันใหญ่จริงๆ”
“คุณกำลังจะขโมยมันมาจาก Homer อีกแล้ว” ฉันบอกและเราทุกคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
ด้วยตารางงานยาวเหยียดตลอดทั้งวัน เราจึงจบการพูดคุยไว้ตรงนั้นเพื่อให้เมาริและตาร์ยาได้ไปพักผ่อน แม้จะได้คุยกันไม่นาน แต่เราก็ได้คำตอบว่า ความสำเร็จของเมาริไม่ได้มาจากการวางแผนหรือความตั้งใจอย่างแน่วแน่ แต่มาจากความเป็นตัวของตัวเอง นิสัยชอบวาดรูป บวกกับจินตนาการอันไร้ขอบเขต และการรักษาความคิดแบบเด็กๆ เอาไว้ ซึ่งสะท้อนออกมาในผลงานที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ความน่ารัก และเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้เด็กๆ และผู้ใหญ่ทั่วโลกหลงรัก
สัมภาษณ์วันที่ 29 มีนาคม2025
ขอบคุณ สำนักพิมพ์ Barefoot Banana ที่ช่วยให้เรามีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับนักเขียนนักวาดเจ้าของเรื่องราวขวัญใจเด็กๆ
COMMENTS ARE OFF THIS POST