คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจรู้สึกกดดันเมื่อต้องเผชิญกับลิสต์ของใช้ที่ยาวเหยียด ทั้งเสื้อผ้า ผ้าอ้อม รถเข็น และของใช้จิปาถะอีกมากมายที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับลูกน้อย
ครั้งหนึ่ง M.O.M เคยเดินทางไปที่ The Little Store ร้านค้าที่รวบรวมสินค้าแม่และเด็กไว้อย่างมากมายที่เรียกได้ว่าเดินครบจบที่เดียว ตั้งแต่ตั้งครรภ์ไปจนถึงวันที่ลูกน้อยลืมตาดูโลก
แต่ในครั้งนี้เราจึงชวน คุณแนน—นันทพร เกียรติเสวีกุล และ คุณพงศ์—พงศ์ปิติ ศรีพลแผ้ว เจ้าของร้าน The Little Store ที่สร้างร้านนี้ขึ้นมาด้วยอินเนอร์ของการเป็นพ่อแม่ในชีวิตจริง จึงทำให้ทุกอย่างภายในร้านนี้เกิดขึ้นด้วยความเข้าอกเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่อย่างมากที่สุด
The Little Store เกิดขึ้นได้อย่างไร
คุณแนน: จริงๆ เราทำแบรนด์สินค้าแม่และเด็กอยู่แล้ว คือ Baby & Co., Granny Ben และ Saeson เราผลิตและจัดจำหน่ายด้วยโรงงานของเราเอง ซึ่งทั้งสามแบรนด์นี้เกิดขึ้นในช่วงยุคโควิด เราขายออนไลน์กันมาสักพักนึงก็เห็นว่ามันเจริญเติบโตได้ดีมาก แล้วหลายครั้งลูกค้าก็มาถามว่าอยากเห็นของจริง อยากจับเนื้อผ้าจริงจะดูได้ที่ไหน ตอนนั้นก็ประจวบเหมาะกับว่าคุณพงศ์มีเนื้อที่ตรงเอกมัยพอดี ก็เลยมาคุยกันว่างั้นเรามาทำโชว์รูมให้ลูกค้าดีไหม ให้ลูกค้าเดินเข้ามาแล้วเห็นกองทัพผ้าของเราทั้งสามแบรนด์เลย เขาก็โอเคก็เลยมาเริ่มทำกัน แล้วในจังหวะนั้นเองแนนก็ตั้งท้องพอดี แล้วเราก็อยากหาของให้ลูกเราเองด้วย เราก็เลยไปช้อปปิ้งทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกเรา กลายเป็นว่าสินค้าบางอย่างแนนหาซื้อที่ไทยไม่ได้ ก็เลยไปคุยกับสามีว่าหรือเราจะนำเข้าของพวกนี้มาขายดีไหม เพราะนอกจากจะเป็นของที่ดีมีคุณภาพแล้ว ยังมีดีไซน์ที่สวยงาม ก็เลยกลายเป็นว่าร้านของเราไม่ได้จบแค่แบรนด์ของตัวเองแล้ว เราเริ่มมองหาถึงแบรนด์อื่นๆ ที่คิดว่าดีและมีคุณภาพ แล้วก็อยากให้คุณแม่คนไทยได้หาซื้อกันแบบง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องไปสั่งอิมพอร์ตมาจากต่างประเทศ
จากร้านสินค้าแม่และเด็ก ทำไมปัจจุบันถึงมีบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้นมา
คุณแนน: พอเราเริ่มมีสินค้าวางในร้านของเรา เราก็มองว่าอยากดีไซน์ร้านของให้เป็นมากกว่าร้านค้าแม่และเด็กทั่วไป อันนี้เลยเป็นจุดเริ่มต้นเลยว่าเราอยากขายประสบการณ์ด้วย เราไม่อยากให้ลูกค้ามาซื้อของเสร็จแล้วก็เดินออกจากเราไป แต่เราอยากสร้างที่แห่งนี้ให้เป็นพื้นที่ของทุกคนในครอบครัว
หลายครั้งที่แนนเห็นเวลาคุณพ่อคุณแม่ไปซื้อของกับลูก ก็ไม่เคยจะได้ซื้อของแบบสุขสบาย ลูกก็จะร้องไห้บ้าง ไม่สบายตัวบ้าง หรืองอแงอยากไปทำอย่างอื่นบ้าง แม้กระทั่งตัวแนนเองก็ประสบปัญหานี้เวลาไปซื้อของเช่นกัน ก็เลยคิดว่าอยากทำที่นี่ให้ทุกคนสามารถใช้เวลาได้อย่างเต็มที่ เราก็เลยดีไซน์ให้ร้านค้าแห่งนี้มีพื้นที่ของการขายของ พื้นที่เล่นสำหรับเด็ก แล้วก็มี Hoshi Cafe ซึ่งเป็นคาเฟ่ที่ขายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อให้คุณพ่อหรือทุกคนในครอบครัวมาใช้เวลาตรงนี้ได้ด้วย
เห็นว่าปัจจุบันมีกิจกรรมต่างๆ เพิ่มเข้ามาด้วย
คุณแนน: The Little Store เป็นเหมือนพื้นที่แบ่งปันความรู้ด้วย มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญมาทำเวิร์กช็อปเพื่อแบ่งปันความรู้ให้กับคุณพ่อคุณแม่แทบจะตลอดทั้งปี เช่น การช่วยเหลือเมื่อลูกสำลักอาหาร (choking) การดูแลเด็กแรกคลอด หรืออย่างกิจกรรมที่ผ่านมาที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จมากๆ คือกิจกรรมเตรียมคลอดสำหรับคุณแม่ เพราะปกติกิจกรรมแบบนี้จะอยู่ในโรงพยาบาล แต่พอเราจัดเป็นกรุ๊ปเล็กๆ ก็เลยทำให้คุณแม่ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ให้แก่กันและกัน นอกจากนี้เรายังมีห้องปั๊มนมด้วย เป็นสินค้าที่ขายในร้านจริงๆ เพื่อให้คุณแม่ได้ทดลองใช้ ซึ่งแน่นอนว่าเราทำความสะอาดฆ่าเชื้อให้เรียบร้อย
คุณพงศ์: นอกจากนี้เรายังมีพื้นที่เล่นสำหรับเด็ก เราก็ใช้ของเล่นจากสินค้าภายในร้านให้เด็กๆ ได้เล่นกันอย่างเต็มที่เลย เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ด้วยว่าลูกชอบของเล่นชิ้นไหนที่ลูกสนใจ จะได้ไม่เกิดปัญหาการซื้อของเล่นให้ลูกแต่ลูกไม่อยากเล่น และที่สำคัญของเล่นที่นี่ เป็นของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กทั้งหมด
แม้แต่ในคาเฟ่ ก็เป็นอุปกรณ์ภายในร้านทั้งหมด เช่น เก้าอี้กินข้าวสำหรับเด็ก (High Chair) เราก็โชว์สินค้าและคุณภาพให้ลูกค้าได้เห็นเลยว่าชอบไหม นั่งดีไหม สบายไหม และดีไซน์เป็นอย่างไร
สุดท้ายสิ่งนี้ถูกใจคุณพ่อคุณแม่หลายคนมาก คือห้องลองเสื้อผ้า คุณพ่อคุณแม่สามารถลองเสื้อผ้าให้ลูกได้อย่างเต็มที่ และจะได้ไม่ต้องกังวลว่าซื้อไปแล้วลูกจะใส่ไม่ได้
ถ้าถามถึงวิสัยทัศน์ในฐานะเจ้าของธุรกิจสินค้าแม่และเด็ก เป็นอย่างไร
คุณพงศ์: ผมจะแบ่งวิสัยทัศน์เป็นสองเรื่องแล้วกัน หนึ่ง—การทำแบรนด์ของตัวเอง เรามองว่าในอนาคตเราจะเติบโตไปเป็นแบรนด์ระดับโลก ซึ่งปัจจุบันก็มีจำหน่ายในหลายๆ ประเทศแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดีมาก และเราก็ค่อนข้างมั่นใจในสินค้าของเราเนื่องจากเราก็มีความเชี่ยวชาญในด้านสิ่งทอ เรามีโรงงานทอผ้า พิมพ์ผ้า ตัดเย็บของเราเอง และเราก็สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพที่สุดออกมาจำหน่ายได้ สอง—การทำร้านสินค้าแม่และเด็ก อย่างที่บอกว่าเราตั้งใจมอบประสบการณ์ที่ครบวงจรมากกว่าแค่การขายของ เราอยากให้ The Little Store เป็นที่แรกที่คุณพ่อคุณแม่คิดถึงเวลาที่อยากหาซื้อที่สินค้าที่ดีที่สุดและตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุด
เพราะการเป็นพ่อแม่ ทำให้เราเห็นโอกาสในการทำธุรกิจมากขึ้น…
คุณพงศ์: ในฐานะที่เราเป็นพ่อแม่เลยรู้ว่าปัญหาของคนกลุ่มนี้คืออะไร เราผ่านความทุกข์ยากของชีวิตมามาก (หัวเราะ) ตั้งแต่ที่พยายามจะมีลูก พอท้องก็ต้องซื้อสินค้าสำหรับเตรียมคลอด ต้องไปเดินงานแฟร์ จนถึงวันที่คลอดและลูกโต ในทุกๆ ช่วงเวลาของชีวิตมันทำให้เราเห็นปัญหาอะไรต่างๆ ซึ่งนอกจากที่เรารู้ว่าอะไรคือความต้องการจริงๆ ของคุณพ่อคุณแม่แล้ว ยังอยากทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้รับสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
แล้วเคยคิดว่าไหมว่าถ้าวันนี้ไม่ได้เป็นพ่อแม่ ก็คงไม่เข้าใจหัวอกลูกค้ามากขนาดนี้
คุณแนน: ยอมรับว่าเมื่อก่อนตอนที่เรายังไม่มีลูก เรามองข้ามความปลอดภัย เวลาเราซื้อของให้คนที่ตั้งครรภ์เราก็เลือกเพราะมีดีไซน์สวย ราคาโอเค แต่พอวันหนึ่งที่เราเป็นแม่จริงๆ มิติของการซื้อของมันเปลี่ยนไป ข้อแรกที่เรากังวลก่อนเลยคือปลอดภัยไหม ผ่านมาตรฐานหรือเปล่า มีคุณภาพไหม มีแหล่งที่มาจากไหน แต่สุดท้ายแนนมองว่าเรื่องของดีไซน์ก็ยังสำคัญสำหรับแนนอยู่ เคยมีคนบอกว่าถ้ามีลูกแล้วบ้านจะรกมากนะ แต่แนนไม่อยากเป็นแบบนั้น แนนยังอยากรู้สึกว่าในวันที่เรามีลูก ชีวิตรอบตัวเราก็ยังสวยงามได้
อะไรคือความยากและความท้าทายในการทำธุรกิจสินค้าแม่และเด็ก
คุณพงศ์: ผมคิดว่าความท้าทายของการทำธุรกิจนี้เป็นเรื่องอัตราการเกิดของเด็กน้อยลง ซึ่งแปลว่าพอประชากรลดลง ตลาดของสินค้าแม่และเด็กก็แข่งขันกันสูงขึ้นมาก แต่ในทางกลับกันการที่เรามีลูกน้อยลง ก็จะทำให้เราใส่ใจลูกมากยิ่งขึ้น ซึ่งผมก็มองว่าเป็นท้ังความท้าทายและโอกาสในเวลาเดียวกัน สิ่งสำคัญคือใครที่สามารถเข้าใจความต้องการลูกค้าของตัวเองได้ดีกว่ากัน และเราจะสามารถสร้างจุดขายให้ลูกค้าจดจำอย่างยาวนานหรือเปล่า ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราต้องไม่หยุดนิ่งและพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง อย่างร้านของเราปีนี้กับปีที่แล้วก็เปลี่ยนไปเยอะอยู่เหมือนกัน
แล้วอะไรที่เป็นจุดแข็งของ The Little Store
คุณพงศ์: ผมคิดว่าจุดแข็งมีหลายมิติ อยู่ที่ว่าลูกค้าเข้ามาแล้วประทับใจในส่วนไหน แต่ที่ผมมั่นใจว่าที่นี่น่าจะเป็นที่แรกๆ ที่ทำในประเทศไทยทั้งการออกแบบร้าน สินค้า และบริการที่ให้อย่างครบวงจร เพราะฉะนั้นมันเลยตอบโจทย์ในทุกด้านของความต้องการ เพราะการที่เราเข้าใจและเข้าไปนั่งในใจของลูกค้าจริงๆ มันทำให้เราคาดเดาได้เลยว่าเขากำลังมองหาอะไรอยู่ สินค้าชิ้นไหนที่จะเข้ามาตอบโจทย์ชีวิตมากขึ้น และที่สำคัญมันคือการทำให้ลูกค้ามีความสุข
อนาคตอยากทำอะไรเพิ่มอีกบ้าง…
คุณพงศ์: ตอนนี้เรากำลังจะเปิดสาขาใหม่ที่ One Bangkok ย่านพระราม 4 และมากไปกว่านั้นผมก็อยากขยายสาขาเพื่อให้ครอบคลุมกับลูกค้าที่อยู่ในหลายๆ สถานที่ รวมไปถึงจังหวัดอื่นๆ อีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังคงมองหาสินค้าแบรนด์อื่นๆ เพื่อเข้ามาตอบโจทย์ให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้นด้วย
COMMENTS ARE OFF THIS POST