เพลงบรรเลงจากการ์ตูนเรื่อง Beauty and the Beast คือเสียงเพลงแรกที่เราได้ยินทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาใน Tooney Toy Museum
เมื่อผ่านจุดขายบัตรเข้ามา ก็จะพบกับโซนเด็กเล่นที่มีของเล่นวางไว้ให้เด็กๆ ได้เล่น สนามหญ้าตรงกลางตึกที่เด็กๆ สามารถเข้าไปวิ่งเล่นได้ และยังมีแทรมโพลีนให้กระโดดโลดเต้น ปล่อยพลัง อุ่นเครื่องกันได้เต็มที่
ถ้าเดินเข้าไปอีกนิดก็จะเจอสนูปปี้ อาราเล่ เลโก้ โคมไฟยักษ์ และของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกมากมายก็จะมายืนต้อนรับคุณตรงทางเข้า เอาเป็นว่าแค่โถงทางเดินก่อนเข้าห้องจัดแสดงของเล่น ทั้งครอบครัวก็หยุดยืนดู และถ่ายภาพกันได้นานสองนานแล้ว
ก่อนจะพบกับห้องจัดแสดงของเล่น ก็มีอีกจุดให้ได้พักผ่อนหย่อนใจคือห้องนั่งเล่นของแอนดี้ จาก Toy Story ที่คุณสมพร และ คุณภานินทร์ โพธิ์อยู่—ผู้ก่อตั้ง Tooney Toy Museum บอกไว้ว่า
“ตอนรักกันใหม่ๆ แฟนชอบตุ๊กตาก็ซื้อให้แฟน พอมีครอบครัวก็ซื้อให้ลูก พอลูกได้ของเล่นก็รู้สึกว่าพัฒนาการเขาดีขึ้น มันไม่ใช่การซื้อของเล่นที่ฟุ่มเฟือย อย่างผู้ใหญ่ตื่นมาก็ทำงาน ส่วนเด็ก งานของเขาก็คือต้องเล่นเพื่อให้เขาได้เรียนรู้ ได้มีพัฒนาการ เพราะการเล่นของเล่นคืองานหลักของเด็กๆ”
ของเล่นต่างๆ เมื่อนำมาวางใน Tooney Toy Museum บางโซนจึงถูกทำให้มีเรื่องราวไปตามเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ เช่น ห้องนั่งเล่นของแอนดี้นี้ก็เหมือนยกเอาฉากจากภาพยนตร์ออกมาวางไว้จริงๆ
“โมเดลพวกนี้จะยิ่งสวยในห้องของเขา เราก็พยายามสะสมแล้วจัดมารวมให้เป็นเรื่องราวแบบเขาได้ คนที่มาดูก็จะชอบแล้วชวนเพื่อนมาดูต่อไปอีก”
แต่เดิมคุณสมพรและครอบครัวก็เป็นนักสะสมของเล่น และก็จะมีเพื่อนๆ ในวงแคบเข้ามาเยี่ยมชมบ้างเท่านั้น แต่เมื่อเห็นว่าเก็บไว้เยอะๆ แล้วมันมีคุณค่า ถ้าทำได้แค่ดูกันเองในวงเพื่อนฝูงก็น่าเสียดาย จึงเอามาจัดเป็นของสาธารณะ เพิ่มคุณค่าให้ของเล่น และให้คนอื่นมาดูมาชมด้วย โดยปัจจุบันก็ยังคงมีการหาซื้อของเล่นมาเพิ่มเติมอยู่เสมอ
“ตอนนี้เราเป็นอันดับหนึ่งในเมืองไทยแล้ว มีทั้งหมดแสนกว่าชิ้น อย่าง มิกกี้เมาส์เรามีเก้าพันกว่าชิ้น ซึ่งตอนนี้อันดับหนึ่งที่มีมากที่สุดคือคนอเมริกันที่ได้ลงกินเนสส์บุ๊กบันทึกไว้แค่หมื่นชิ้นนิดๆ เราก็ใกล้แล้ว เป้าหมายคือต้องไปให้ถึง เก็บไปเรื่อยๆ ครับ”
วิธีการจัดแสดงของเล่นที่ Tooney Toy Museum ก็มีลูกเล่นมากมาย เช่น โต๊ะนั่งเล่นที่ทำเป็นหลุมสำหรับวางฟิกเกอร์ตัวเล็กๆ ลงไป แล้วเอากระจกใสมาปิดทับในขณะที่บางตู้จัดแสดงก็จัดวางอย่างเป็นเรื่องราว และบางครั้งก็มีการสลับปรับเปลี่ยนหมุนเวียนของเล่นที่เอามาโชว์ แล้วแต่ลูกเล่นของทีมงาน
เราอยากให้เด็กๆ เสพงานที่เหมือนภาพสามมิติ
ยกระดับรสนิยมและศิลปะ เอาจินตนาการไปใช้ในชีวิตของตัวเองต่อ
ของเล่นก็จะเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ได้
“เราคิดว่าของเล่นราคาไม่แพง ชิ้นเล็กชิ้นน้อยราคา 10-20 บาท ที่คนอื่นมักเก็บไว้ในลัง ไม่ค่อยสนใจ ซุกๆ ไว้ แต่จริงๆ ของเล่นพวกนี้ถ้าสอนให้เด็กๆ จัดเก็บ เหมือนตู้ปลา มันจะสวย น่ามอง เราก็สอนเด็กให้รู้จักรักษาของเล่น เขาก็จะเห็นความสวยงามและวิวัฒนาการของของเล่นแต่ละชิ้น
และถ้าพิจารณาว่ากว่าที่ของเล่นแต่ละชิ้น จะขึ้นรูปเป็นของเล่นแบบที่เราเห็นสักชิ้น มันคือผลงานของนักออกแบบระดับโลก ถ้าเราวางถูกตำแหน่งมันจะยิ่งสวย เพราะเราอยากให้เด็กๆ เสพงานที่เหมือนภาพสามมิติ ยกระดับรสนิยมและศิลปะ เอาจินตนาการไปใช้ในชีวิตของตัวเองต่อ ของเล่นก็จะเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ได้”
ตลอดการเดินชมของเล่นในห้องต่างๆ เราไม่คิดเลยว่าจะมีของเล่นและตุ๊กตาสมัยเด็กให้เราหยุดดูได้ตลอดทาง จากที่คิดว่า Tooney Toy Museum จะทำให้เด็กๆ ต้องตื่นเต้น แต่ก็ไม่แน่ อาจจะเป็นคุณพ่อคุณแม่นี่แหละ ที่เพลิดเพลินและตื่นตาตื่นใจไม่แพ้ลูกๆ
เอาเป็นว่าระหว่างเดินดูก็อยากให้จับมือลูกไว้ให้แน่น เพราะอาจไม่ใช่แค่คุณหนูที่จะเดินหลงไปกับดงของเล่น แต่เป็นคุณพ่อและคุณแม่นี่เอง
เราเตือนคุณแล้วนะ!
Tooney Toy Museum แบ่งเป็นสามโซนหลักคือ
.
โซนการ์ตูน: มีทั้งแบ่งตามตัวละคร ตามค่ายผู้ผลิต หรือตามเนื้อเรื่อง เช่น ด้านบนจะเป็น ‘โซนเด็กผู้ชาย’ จะเน้นไปที่มดแดง กันดั้ม หน้ากากเสือ ซึ่งเป็นของสะสมตั้งแต่รุ่นคุณสมพรจนถึงรุ่นลูก
โซนจินตนาการ: เป็นการจัดเรื่องราวของของเล่นแบบคละกัน
โซนเกี่ยวกับภาพยนตร์และการ์ตูน: เน้นพวกหุ่นโชว์และฟิกเกอร์ ที่ยังแบ่งเป็น Hot Toy—เน้นตัวละครเสมือนจริง เช่น เซตตัวละคร The Avengers, Twilight และ The Justice League กับ Side Show—เน้นงานที่ทำโชว์ เช่น เซต The Little Mermaid, Princess Diana และ Frozen เป็นต้น)
NO COMMENT