การเลือกโรงเรียนให้เหมาะกับลูก นับว่าเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะส่งผลต่อเส้นทางการเติบโตของลูกในอนาคต จึงอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนยากที่จะตัดสินใจว่าโรงเรียนไหนคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูก
แม้คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มักจะเลือกโรงเรียนแตกต่างกันไป เช่น หลักสูตรตามความถนัดของลูก ความสะดวกในการเดินทาง ค่าเล่าเรียน แต่หนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่อยากให้ทุกโรงเรียนมีเหมือนกันคือ สภาพแวดล้อมที่ดี มีสุขอนามัยที่ดี พื้นที่ร่มรื่น มีสังคมและคุณครูที่มีคุณภาพ
วันนี้เราเดินทางมาที่ Annabel’s Early Years International Kindergarten ย่านเอกมัย โรงเรียนอนุบาลเล็กๆ บรรยากาศเงียบสงบไม่เหมือนอยู่ใจกลางเมือง แถมยังมีทุกอย่างแบบที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนหมายตาเอาไว้…
หลักสูตรที่เน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่น
ที่ Annabel’s Early Years International Kindergarten เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าช่วง 6 ปีแรกของชีวิตเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการเริ่มต้นพัฒนาเด็กให้ความรักในการเรียนรู้ตลอดชีวิต จึงใช้หลักสูตร British Curriculum Early Years Foundation Stage (EYFS) คือ หนึ่ง—เน้นการให้เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่นและสำรวจ สอง—การเรียนรู้เชิงรุก โดยการให้เด็กๆ เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ สาม—การให้เด็กได้คิดอย่างมีอิสระ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้พัฒนาทักษะรอบด้านให้กับเด็กๆ ได้
นอกจากนี้ Annabel’s Early Years ยังได้รับแรงบันดาลใจจาก Reggio Emilia—ระบบการศึกษาเชิงผสมสำหรับเด็กปฐมวัย ที่เชื่อว่าการเรียนรู้ของเด็กจะสามารถพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับตัวตนของเด็กและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กเป็นสำคัญ มาเป็นแนวทางการสอนที่เน้นส่งเสริมให้เด็กช่วงวัย 1-6 ปี ได้พัฒนาทักษะทางความรู้ สังคม และความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่
นอกจากนี้โรงเรียนยังได้การรับรองจาก National Day Nurseries Association (NDNA) องค์กรจากประเทศอังกฤษ และได้รับการประเมินระดับ Platinum ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดอีกด้วย
“สภาพแวดล้อมที่ดีจะส่งผลให้เด็กมีความพร้อมที่จะเรียนรู้ เพราะเด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุด เมื่อได้ทำการสำรวจและทดลองด้วยตัวเอง”
ห้องเรียนกลางแจ้ง
เมื่อเราเดินสำรวจรอบโรงเรียน ก็ได้เห็นรูปธรรมของการให้ความสำคัญกับพื้นที่รอบตัวเด็ก เหมือนอย่างที่ทางโรงเรียนบอกกับเราว่า “สภาพแวดล้อมที่ดีจะส่งผลให้เด็กมีความพร้อมที่จะเรียนรู้ เพราะเด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุด เมื่อได้ทำการสำรวจและทดลองด้วยตัวเอง”
จึงไม่แปลกที่เราจะรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนถูกออกแบบเพื่อกระตุ้นความอยากรู้ การสำรวจ และความปลอดภัยของเด็กๆ เพราะการให้เด็กๆ ได้ใช้เวลาอยู่กลางแจ้ง และใกล้ชิดกับธรรมชาติ จะช่วยพัฒนาทักษะที่ไม่สามารถสอนให้เกิดขึ้นในห้องเรียนได้ เช่น การสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ให้เด็กๆ เข้าใจถึงการเป็นส่วนหนึ่งของโลก และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยวิธีการของตัวเอง เช่น เมื่อเห็นว่าเด็กๆ ตื่นเต้นที่ได้เห็นหอยทากในโรงเรียน คุณครูก็จะสอนให้เด็กๆ ได้รู้จักธรรมชาติของหอยทาก ว่าพวกมันมีความเป็นอยู่อย่างไร
ห้องเรียนที่มากกว่าการนั่งเรียน
นอกจากสภาพแวดล้อมภายนอกจะช่วยกระตุ้นและส่งเสริมการเรียนรู้ได้ดีแล้ว เมื่อกลับเข้ามาดูห้องเรียนภายในอาคาร ที่เปิดโล่งเพื่อรับแสงจากธรรมชาติ เราก็พบว่าวัสดุทุกชิ้นที่ใช้ในห้องเรียน ได้ผ่านการคิดและพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าปลอดภัยสำหรับเด็กๆ
“ห้องเรียนของเราเชื่อมโยงกับทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ วิทยาศาสตร์ ภาษา และเทคโนโลยี เพราะเราเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้สำรวจด้วยตนเอง และเราอยากให้การเรียนและการเล่น เป็นเรื่องเดียวกัน”
คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองคือส่วนสำคัญ
ที่นี่ไม่มีรถโรงเรียนรับ-ส่ง เพราะความตั้งใจของโรงเรียนคืออยากให้ผู้ปกครองมาส่งลูกที่โรงเรียน เพื่อที่จะได้พบปะพูดคุยกัน นอกจากนี้โรงเรียนยังมีกิจกรรมสำหรับคุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองอย่างสม่ำเสมอ
อาหารการกินเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ
นอกจากสภาพแวดล้อม โภชนาการที่ดีก็เป็นสิ่งที่สำคัญต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กๆ ที่นี่จะจะใช้แค่เนื้อไก่และปลาประกอบอาหารให้เด็กๆ และมีวันที่งดกินเนื้อสัตว์สองวันต่อสัปดาห์ แต่ถึงอย่างนั้น โรงเรียนก็ไม่ลืมที่จะเสริมโปรตีนให้เพียงพอ ในอาหารแต่ละมื้อ
ที่เราคิดว่าดีมากก็คือ ที่นี่จะไม่มีไส้กรอก เฟรนซ์ฟราย หรืออาหารแปรรูปที่เด็กๆ ชอบแต่มีคุณค่าทางโภชนาการน้อย แต่จะเน้นการใช้วัตถุดิบที่ดีมาดัดแปลงเป็นเมนูต่างๆ เพื่อเน้นให้เด็กได้กินอาหารที่หลากหลาย และสอดคล้องกับพลังงานที่ต้องใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆ
จริงจังกับอาหารจานหลักแล้ว ของหวานก็ยังไม่ใช้ส่วนประกอบที่มีน้ำตาลสูง เช่น ซอสช็อกโกแลตหรือซอสสตรอว์เบอร์รี่ แต่จะเลือกให้เด็กๆ ได้รับความหวานธรรมชาติ เช่น ผัก ผลไม้ ที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า และที่สำคัญโรงเรียนยังให้ความสำคัญกับการแพ้อาหารของเด็กๆ อีกด้วย
ความเป็นอยู่ที่ดีของคุณครูก็ใส่ใจไม่แพ้กัน
ไม่ใช่แค่เด็กๆ แต่คุณครูและเจ้าหน้าที่ทุกคนในโรงเรียน เป็นหัวใจสำคัญและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเด็กๆ เราได้เห็นการทำงานเป็นทีมเวิร์กของบุคลากรภายในโรงเรียน และได้เห็นว่าโรงเรียนใส่ใจความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคนไม่แพ้การดูแลใส่ใจเด็กๆ จึงทำให้เรายิ่งมั่นใจว่า หากคุณครูมีความเป็นอยู่ที่ดีและมีความสุข ครูก็จะส่งต่อพลังงานดีๆ ไปถึงเด็กๆ ด้วยเช่นกัน
COMMENTS ARE OFF THIS POST