เช้าวันธรรมดาที่การจราจรแสนวุ่นวาย ผู้คนต่างเร่งรีบ แยกเกษตรฯ คือถนนที่ติดอันดับหนึ่งในสิบถนนที่รถติดที่สุดในกรุงเทพฯ แต่พอเราผ่านเข้ามาถึงภายซอยงามวงศ์วาน 52 ภาพความจอแจเมื่อสักครู่ก็หายไป
เมื่อเดินทางเข้ามาใกล้จุดหมายปลายทาง เราก็เริ่มได้ยินเสียงเด็กๆ หัวเราะเริงร่าค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ
เรากำลังจะเดินทางไปที่ โรงเรียนอนุบาลชนานันท์ ย่านเกษตรฯ– งามวงศ์วาน โดยมี คุณครูบิ๊บี—ชนานันท์ ศรีวรรธนะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการกิจกรรมพิเศษโรงเรียนอนุบาลชนานันท์ ช่วยพาเราเดินชมและเล่าเรื่องราวของโรงเรียนแห่งนี้ให้ฟังด้วยตัวเอง
ความเป็นมาของโรงเรียนอนุบาลชนานันท์
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2517 คุณยายแจ๊ด—เอมอร ศรีวรรธนะ (คุณแม่ของครูบิ๊บี)ได้ติดตามสามีไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา และได้เป็นครูอาสาที่ Co-Operative Nursery Shool เป็นเวลาสองปี หลังจากนั้นได้ไปทำ Helping Mom ที่ Bennet School อีกหนึ่งปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ตื่นตาตื่นใจกับกระบวนการพัฒนาเด็กเล็กที่แปลกใหม่มากของที่นั่น ก็เลยตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะกลับมาทำโรงเรียนแบบนี้ที่เมืองไทยบ้าง
และเมื่อคุณแม่กลับมาประเทศไทย จึงตั้งใจที่จะสร้างโรงเรียนแห่งนี้ขึ้น ในปี 2520 มีนักเรียนเพียง 37 คน แต่หลังจากนั้นไม่นานโรงเรียนก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความตั้งใจของผู้ก่อตั้งโรงเรียนคืออยากสนับสนุนให้เด็กไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ
วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งโรงเรียนของคุณแม่คืออยากให้เด็กๆ เติบโตอย่างมีคุณภาพ ทั้งด้านสุขภาพ ร่างกาย จิตใจ และสังคม นอกจากนี้ยังมุ่งหวังให้เด็กได้รับโอกาสในการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ โดยมีคุณครูที่พร้อมให้คำแนะนำ เพื่อให้เด็กๆ เติบโตโตอย่างสมดุลในทุกด้าน “ผ่านมา 47 ปี โรงเรียนของเรายังคงยึดมั่นในวัตถุประสงค์เดิม แต่เราก็มีการปรับปรุงรูปแบบกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อให้เหมาะสมกับโลกปัจจุบันมากขึ้น เด็กๆ จะได้รับการศึกษาที่ดีและเติบโตอย่างมีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง” ครูบิ๊บีกล่าว
หลักสูตรที่เน้นการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ
หลักสูตรของโรงเรียนอนุบาลชนานันท์ เป็นหลักสูตรภาษาไทยบูรณาการ เน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่นและการลงมือทำ เพื่อให้เด็กได้รับประสบการณ์จริงและเกิดการเรียนรู้
“โรงเรียนของเราให้ความสำคัญกับภาษาไทย เพราะเราเชื่อว่าภาษาไทยคือหัวใจของการใช้ชีวิตในเมืองไทย การเรียนรู้ภาษาไทยให้ดี จะช่วยให้เด็กๆ สามารถเข้าใจและสื่อสารได้ออกมาเป็นอย่างดี เนื่องจากภาษาไทยมีความซับซ้อน แต่เมื่อลูกๆ พูด อ่าน เขียน ได้อย่างคล่องแคล่ว ภาษาอังกฤษก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้น แต่เราก็สอนภาษาอังกฤษผ่านกิจกรรมที่สนุกสนาน ให้เด็กๆ ซึมซับและสัมผัสวัฒนธรรมที่หลากหลาย เรามั่นใจว่าการเรียนรู้สองภาษาในลักษณะนี้ จะช่วยให้เด็กๆ เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีความสามารถหลากหลายได้”
เน้นการพัฒนานักเรียนอย่างเหมาะสมตามช่วงวัย
ในชั้นเตรียมอนุบาลและอนุบาลหนึ่ง จะเน้นพัฒนาทักษะการช่วยเหลือตนเองในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การแต่งตัว การกินอาหาร นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมศิลปะเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่
ต่อมาเป็นชั้นอนุบาลสอง เราจะเริ่มเน้นพัฒนาด้านการสังเกตมากขึ้น โดยจะนำไปประยุกต์ในวิชาเรียน เช่น วิทยาศาสตร์ จะมีการทดลองในสิ่งต่างๆ เพื่อให้เด็กฝึกตั้งคำถามและหาคำตอบด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้เด็กๆ รู้จักการคิดนอกกรอบและเรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
สุดท้ายชั้นอนุบาล 3 เป็นวัยที่จะต้องเตรียมความพร้อมก้าวเข้าสู่ระดับประถมศึกษา เราจึงเน้นพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตมากขึ้น เพราะเมื่อเด็กมีความพร้อมแล้ว เขาจะสามารถเรียนรู้ในระดับชั้นถัดๆ ไปแบบไม่ใช่เรื่องยาก
“สำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เพื่อให้การดูแลเป็นไปอย่างดี เราได้ส่งคุณครูไปเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรในสาขาวิชาการศึกษาพิเศษและการดูแล เพื่อที่ให้คุณครูมีทักษะเฉพาะทางที่จะช่วยดูแลและสนับสนุนเด็กพิเศษให้เป็นไปอย่างประสิทธิภาพ”
กิจกรรมนอกห้องเรียนเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง
ส่วนใหญ่ทางโรงเรียนจะให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านการจัดนิทรรศการ เพื่อให้เขาได้เห็น หยิบจับ และสังเกตการณ์
“นอกจากเราจะจัดนิทรรศการหมุนเวียนภายในโรงเรียนอยู่ตลอดแล้ว เรายังมีกิจกรรมทัศนศึกษา เพื่อให้เด็กๆ ได้รับประสบการณ์จริงและได้ทำกิจกรรมที่สนุกสนานด้วย เช่น พาเด็กๆ ไปปลูกข้าว เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเกษตรกรรม นอกจากความรู้ที่ได้รับแล้ว ยังได้ความสนุกสนาน ได้เล่นโคลน ซึ่งเด็กๆ สนุกกันมาก”
อาหารไม่ใช่แค่เรื่องการกิน แต่เป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความสุข
ที่นี่ให้ความสำคัญและความใส่ใจกับโภชนาการอาหารเป็นอย่างมาก เพราะการกินอาหารที่ดี จะช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย ใจ และการเรียนรู้ต่อไปได้ โดยจะเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ มากไปกว่านั้นเราจะต้องดูแลแหล่งที่มา กระบวนการผลิต รวมไปถึงความสะอาด
หากคุณพ่อคุณแม่กังวลว่าลูกที่แพ้อาหารจะทำอย่างไร ที่นี่จะมีการจัดแยกภาชนะไว้สำหรับเด็กที่แพ้อาหารโดยเฉพาะ พร้อมกับแจ้งข้อมูลการแพ้อาหารให้กับทุกคนได้ทราบ
“เราจะมี Chef’s Special หรือที่เราเรียกว่า เมนูพิเศษประจำวันศุกร์ เด็กๆ จะรอคอยและตื่นเต้นกับสิ่งนี้มาก ที่โรงเรียนของเราเชื่อว่า อาหารไม่ใช่แค่การกิน แต่สามารถสร้างมื้ออาหารให้เป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความสุขได้”
ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโรงเรียนและบ้าน
ที่นี่มุ่งมั่นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโรงเรียนและบ้านให้ใกล้ชิดและอบอุ่น เพื่อให้แนวทางการพัฒนาของลูกเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
“นอกจากการสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่ที่เราให้ความสำคัญแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการเปิดโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่มีส่วนร่วมด้วย เช่น เราเคยจัดกิจกรรม ‘ข้าวมหัศจรรย์’ มีการเชิญผู้ปกครองมาสอนนักเรียนทำขนมไทย โดยใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบหลัก หรือจัดกิจกรรมในหมวด ‘อาชีพ’ เราก็จะเชิญคุณพ่อคุณแม่ที่สนใจมาแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับอาชีพของตนเอง เพื่อให้เด็กๆ ฟังจากผู้ที่มีประสบการณ์ตรง”
ครูทุกคนไม่เพียงแค่ทำงาน แต่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวชนานันท์
ที่นี่มีคุณครูและบุคลากรกว่า 60 คน ซึ่งทุกคนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและพร้อมที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับเด็กๆ
“โรงเรียนของเรามีสวัสดิการมากมายเพื่อให้ครู บุคลากร และเจ้าหน้าที่ของเราได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด เพื่อที่จะได้มีพลังทำงานกันอย่างเต็มที่และส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กับลูกๆ ของเราต่อไป
นอกจากนี้ครูทุกคนจะสามารถทำงานในวิชาชีพได้อย่างเต็มที่และมีเวลาในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เราสนับสนุนให้ครูทุกคนไปเรียนต่อและพัฒนาความรู้ของตัวเองในด้านต่างๆ คุณครูที่นี่ไม่เพียงแค่ทำงาน แต่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา”
COMMENTS ARE OFF THIS POST