นอกจากหลักสูตรการเรียนการสอนแล้ว สิ่งแวดล้อมที่ดีก็เป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก
และสำหรับครอบครัวย่านทวีวัฒนา พุทธมณฑลสาย 2 หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาโรงเรียนอนุบาลหลักสูตรนานาชาติ ที่มีพื้นที่สีเขียวเตรียมไว้ให้เด็กๆ อย่างเต็มที่ อย่าว่าแต่เด็กเลย ผู้ใหญ่อย่างเรา กวาดสายตามองไปทางไหนในบริเวณโรงเรียน Kidz Village International Kindergarten ก็รู้สึกผ่อนคลาย สบายตา ช่วยให้จิตใจสงบเย็นลงอย่างไม่น่าเชื่อ
ด้านหลังของประตูรั้วไม้สูงสีน้ำตาลเข้ม เราเดินตามทางเดินเล็กๆ เข้าไปภายในโรงเรียน ยังไม่ทันไรก็ได้พบกับลูกบ้านวัยจิ๋วที่กำลังออกมาวิ่งเล่นใต้ความร่มรื่นเงาต้นไม้กันอย่างสนุกสนาน
โรงเรียนที่เน้นให้เด็กได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด
ภายใต้แนวความคิดที่เชื่อว่า การได้ใกล้ชิดธรรมชาติ จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการและการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ และมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่แข็งแรง จึงเป็นเหตุให้พื้นที่กว่า 7 ไร่ของโรงเรียนถูกเนรมิตให้เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ล้อมด้วยคลองเล็กๆ และปล่อยให้เด็กได้ปฏิสัมพันธ์กับบรรดาสัตว์ที่ทางโรงเรียนเลี้ยงไว้อย่าง เป็ด ไก่ และแพะ
สนามเด็กเล่นที่พื้นทรายแทนที่จะเป็นพื้นยางนิ่มๆ ที่โรงเรียนอนุบาลนิยมใช้กันเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กได้รับบาดเจ็บ แต่พื้นทรายของที่นี้ทำให้เด็กได้สัมผัสพื้นผิวที่เป็นธรรมชาติ
แต่มองจากสนามเด็กเล่นออกไป เราก็ได้เห็นสนามเด็กเล่นอีกหนึ่งสนาม ส่วนเหตุผลที่ต้องมีสนามเด็กเล่นสองสนาม ก็เป็นเพราะโรงเรียนมีนักเรียนตั้งแต่วัยหัดเดิน (Toddler) ไปจนถึงวัยอนุบาล 3 (ประมาณ 6 ขวบ) ซึ่งโรงเรียนมองว่าร่างกายและสรีระของเด็กแต่ละวัยก็มีการพัฒนาที่แตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องมีสนามเด็กเล่นที่เหมาะสมกับเด็กในวัยที่แตกต่างกัน
จนกระทั่งเราได้ไปพบกับ คุณเชอรีล เดล เบล (Cheryl Del Bel)—Head of school ผู้ทำหน้าที่เสมือนผู้นำวิลเลจและพาเราเดินเยี่ยมชมโรงเรียนไปพร้อมกัน ระหว่างทางมีการหยุดทักทายเด็กๆ ด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นกันเอง และหันมาพูดถึงโรงเรียนให้เราฟัง
“การเรียนรู้นอกห้องเรียน ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะช่วยสอนให้เด็กมีความรับผิดชอบ และรู้ว่าทำอย่างไรให้ตัวเองเองปลอดภัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอก และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือสอนให้เด็กมีความรับผิดชอบต่อธรรมชาติ เช่น เมื่อเขาเห็นแมลง เขาจะรู้ว่าไม่ควรจับ และไม่ควรสนุกสนานกับการทำร้ายมัน…”
British Curriculum (EYFS) x Project Approach
หลักสูตร EYFS (Early Years Foundation Stage) เป็นหลักสูตรที่ได้รับการรับรองโดย National Association for the Education of Young Children (NAEYC) หรือสมาคมแห่งชาติเพื่อการศึกษาเด็กเล็ก ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาใน 4 ด้าน ดังต่อนี้
1. การพัฒนาการด้านสังคม (Social and Emotional Development)
สอนให้เด็กรู้จักตัวเองและคนอื่น หลังจากนั้นเริ่มสอนให้เด็กๆ เริ่มรู้จักทักษะการเข้าสังคม เช่น การไปมาไหว้ผู้ใหญ่ เคารพคนอื่นและรู้จักแบ่งปัน
2. การพัฒนาการด้านร่างกาย (Physical Development)
เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เล่นในสิ่งที่เด็กๆ สนใจ เพื่อฝึกใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเนื้อมัดใหญ่ การเคลื่อนไหวทางร่างกาย
3. การพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ (Cognitive Development)
ครูที่มากประสบการณ์จะช่วยสอนเด็กๆ ด้วยกิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรียน ช่วยฝึกให้เด็กๆ ใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ จนเกิดการเรียนรู้ เริ่มจากการหัดสังเกตและตั้งคำถาม
4. การพัฒนาภาษา (Language Development)
เด็กๆ ทุกคนจะเริ่มพัฒนาภาษาตามกระบวนการที่ถูกต้อง เริ่มจากการฟัง เริ่มเข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นต้องการสื่อสารและลองพูดสื่อสารกับคนอื่น
การเรียนรู้แบบ Project Approach เปิดโอกาสให้เด็กลงมือทำในสิ่งใกล้ตัวที่เด็กๆ ให้ความสนใจ (Learning by Doing) เช่น การปลูกผัก การให้อาหารสัตว์ การทดลองวิทยาศาสตร์ การประดิษฐ์สิ่งของ สร้างความตื่นตาตื่นใจ ได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ ซึ่งจะช่วยสอนให้เด็กรู้วิธีการเรียนรู้ จนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้โดยไม่ต้องมีใครสอน และยังสอนวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ จนสามารถแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ
เนรมิตห้องเรียนให้อบอุ่นเหมือนบ้าน
อาคารเรียนได้รับการออกแบบให้คล้ายบ้านเรือนไทยที่แต่ละอาคารสามารถเชื่อมถึงกัน ทำให้เด็กๆ ได้มีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมในร่มมากขึ้น และแทนที่จะเป็นสไตล์โมเดิร์น ก็เป็นเพราะความตั้งใจอยากลดใช้เครื่องปรับอากาศ ทำให้โรงเรียนเลือกใช้อาคารเรียนเพดานสูง ช่วยทำหมุนเวียนพัดพาความร้อนขึ้นที่สูงได้มากขึ้น ทำให้อากาศถ่ายเท เย็นสบาย ส่วนผนังแทนที่จะเป็นกำแพงปูนสีขาวกลับกลายเป็นประตูที่เปิดกว้างรับอากาศบริสุทธิ์และแสงอาทิตย์ยามเช้า
วัตถุดิบอาหารจากฟาร์ม Kidz Village
โรงเรียนเน้นความสดใหม่ของวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหาร เพื่อรักษาคุณค่าทางอาหารไว้ให้มากที่สุด นอกเหนือจากนี้ยังย่นระยะทางขนส่งวัตถุดิบมาโรงเรียน ใช้ไข่ไก่จากไก่ที่เลี้ยงในโรงเรียน เก็บผักจากแปลงทั้งที่เด็กๆ ปลูกกันเองและคนสวนประจำโรงเรียนปลูกมาเลือกสรรทำเป็นอาหารกลางวันชวนน่ารับประทาน และยังสร้างเสริมบรรยากาศการรับประทานอาหารอย่างมีความสุขด้วยการรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งคุณครูและนักเรียน
Safety First เด็กทุกคนต้องได้รับความปลอดภัย
ความปลอดภัยของเด็กๆ ต้องมาเป็นอันดับแรก บุคคลภายนอกที่จะเข้ามาในบริเวณโรงเรียนต้องมีการแลกบัตรประชาชนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และต้องได้รับการเซ็นรับรองก่อนกลับออกไปจากโรงเรียนทุกครั้ง
สิ่งที่โรงเรียนคาดหวัง
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้รู้จักและเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย เตรียมรับความท้าท้ายในชีวิต ซึ่งเป็นรากฐานช่วยให้เด็กสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนในสังคมที่ต้องพบเจอต่อไปภายนอกรั้วโรงเรียนที่แสนอบอุ่นแห่งนี้
COMMENTS ARE OFF THIS POST