สภาพการจราจร ช่วงเช้าวันธรรมดา คงทำให้หลายคนนึกภาพความหนาแน่นของรถที่จอดนิ่งสนิทเป็นเวลานานและยาวเหยียดจนสุดลูกหูลูกตา
แต่เมื่อเราเข้ามาในซอยสุขุมวิท 26 ก็พบกับ โรงเรียนวนิษา สุขุมวิท โรงเรียนเล็กๆ ที่เงียบสงบ จนเราแทบจะลืมภาพจอแจเมื่อครู่ไปทันที และเมื่อเดินเข้ามาในเขตรั้วโรงเรียน ก็เริ่มได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กๆ ที่กำลังเล่นสนุกสนาน เหมือนเป็นสัญญาณตอบรับที่แสดงให้เห็นว่าเด็กๆ ที่นี่มีความสุขมากแค่ไหน
วันนี้เรามีภารกิจสำรวจโรงเรียน ที่มีคุณพ่อคุณแม่หลายท่านถามถึงและได้ยินชื่อเสียงมานาน โดยมี คุณชุมศรี รักษ์วนิชพงศ์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียน ยินดีที่จะพาเราเดินชมและเล่าเรื่องราวของโรงเรียนให้ฟังด้วยตัวเอง
ก่อนจะมาเป็นโรงเรียนวนิษา
“ตอนที่มีลูกคนแรก (คุณหนูดี–วนิษา เรซ) ก็มีความตั้งใจว่าอยากเปิดโรงเรียนให้ลูก เพราะอยากให้ลูกเติบโตมาด้วยการลงมือทำ มีความคิดที่เปิดกว้าง และก็ไม่ต้องนั่งเรียนทั้งวัน แต่ตอนนั้นคิดว่าจะเปิดทีละชั้นเรียนตามอายุของลูก เช่น พอหนูดีขึ้น K1 ก็จะยุบเนอร์เซอรี พอขึ้น K2 ก็จะยุบ K1 แล้วก็เปิดไปเรื่อยๆ จนถึง K3 ก็ตั้งใจว่าจะพาไปเข้าโรงเรียนทั่วไป แต่พอทำไปทำมาก็เริ่มมีคนมาสมัครเรื่อยๆ ก็เลยทำมาตลอด เมื่อก่อนเรามีโรงเรียนที่รังสิต แต่ภายหลังได้ยุบสาขารังสิตและมาเปิดที่สาขาสุขุมวิทเพียงสาขาเดียว”
เมื่อเด็กสนุก การเรียนรู้ก็จะเกิด
หลักสูตรของโรงเรียนวนิษา อิงตามทฤษฎีพหุปัญญาที่พัฒนาโดย ดร. โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ เพราะทฤษฎีของเขาชัดเจนว่าความฉลาดครอบคลุมความสามารถต่างๆ มากมาย และความฉลาดไม่ได้จำกัดอยู่แค่การคิดทางคณิตศาสตร์หรือตรรกะเท่านั้น
“เราเชื่อว่าเด็กทุกคนมีความฉลาดในตัวเอง เลยกลายเป็นหน้าที่ของเราที่จะพัฒนาทักษะและดึงความถนัดของนักเรียนในแต่ละด้านออกมา”
นอกจากนี้ ยังใช้หลักสูตร ‘Creative Curriculum’ จากสหรัฐอเมริกา หรือที่เราเรียกกันว่าการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ เหมือนยกทุกวิชามาให้เด็กๆ ได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ ภาษา พอเด็กสนุกก็จะเกิดการเรียนรู้
โรงเรียนที่ไม่ได้จำกัดแค่สามภาษา
โรงเรียนวนิษา สุขุมวิท สอนถึง 7 ภาษา คือ อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน อิตาลี และให้เด็กๆ ซึบซับภาษาเหล่านี้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยในชีวิตประจำวัน หรือการเล่านิทาน เป็นต้น
คุณครูที่นี่จะมีลักษณะคล้ายๆ กัน คือมีชีวิตชีวา สอนสนุก มีใจรักในการสอน และรักเด็ก ในหนึ่งคลาสจะมีครู 3 คน และทุกคนจะพูดภาษาของตัวเอง แปลว่าเด็กๆ จะรับภาษาได้พร้อมกันทีเดียวสามภาษา ซึ่งตรงกับวัยของเด็กที่ในวัยนี้สมองจะเปิดรับภาษามากที่สุด คุณชุมศรีบอกกับเราอีกว่า “เมื่อเด็กได้เรียนรู้และคุ้นเคยกับภาษาที่สามเมื่อไร หลังจากนั้นก็จะเรียนรู้ทุกภาษาได้อย่างง่ายดาย”
เด็กจะเติบโตได้ดีถ้ามีสภาพแวดล้อมที่ดี
โรงเรียนวนิษา ให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมมากที่สุด เพราะเล็งเห็นว่าเด็กเติบโตได้ดีที่สุดถ้าได้อยู่สภาพแวดล้อมที่ดี และเด็กจะเกิดการเรียนรู้ได้ดีเมื่อได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
ดังนั้น แม้ว่าโรงเรียนวนิษาจะอยู่ในใจกลางสุขุมวิท แต่ก็ยังมีสนามหญ้าขนาดใหญ่และร่มรื่นให้เด็กๆ วิ่งเล่น กระโดด นอนกลิ้งได้อย่างสนุกสนาน
คุณครูทุกคนต้องเข้าใจโลกของเด็กๆ
คุณครูที่นี่จะเปรียบเสมือนเป็นเพื่อนที่รู้ใจคนหนึ่งของเด็กๆ และต้องทำความเข้าใจความรู้สึกของเด็กให้ได้มากที่สุด คณครูจะไม่ใช่คำว่า ‘ไม่’ ‘ห้าม’ หรือ ‘อย่าทำ’ กับเด็ก แต่จะเป็นการให้คำแนะนำและบอกทางเลือกให้กับเด็กๆ เสมอ
“เราให้เขามีการเรียนรู้ด้วยตัวเอง อย่างเวลาทำกิจกรรม เราจะไม่จับมือเด็กๆ ทำ แต่จะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง และจะไม่บังคับเด็กว่าต้องทำแบบนี้”
คุณชุมศรีเล่าเพิ่มเติมอีกว่า “เวลาที่เด็กทำอะไรก็ตาม เราต้องแบ่งชัดเจนว่าอะไรชมได้หรือชมไม่ได้ เราอยากให้เด็กๆ ทำดี เพราะเขาเห็นว่าสิ่งนั้นดี ไม่ใช่ว่าทำเพื่อตอบสนองความพอใจหรือต้องการคำชมของผู้ใหญ่”
“ก่อนจะเข้ามาเรียน อันดับแรกผู้ปกครองจะต้องเข้าใจสไตล์ในความเป็นโรงเรียนของเราก่อน ต้องไม่คาดหวังว่าลูกจะต้องมานั่งเรียนหรือจับดินสอทั้งวัน เพราะเราให้ความสำคัญกับการลงมือทำมากกว่า”
คุณพ่อคุณแม่เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุด
โรงเรียนเปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังเล็กๆ อีกหลังที่ช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ แต่สิ่งสำที่คัญมากไปกว่านั้นคือการนำสิ่งที่เรียนรู้จากโรงเรียนไปปรับใช้ในชีวิตจริง เพราะโรงเรียนวนิษา สุขุมวิท ให้ความสำคัญกับการร่วมมือกันระหว่างโรงเรียนและผู้ปกครอง
“ก่อนจะเข้ามาเรียน อันดับแรกผู้ปกครองจะต้องเข้าใจสไตล์ในความเป็นโรงเรียนของเราก่อน ต้องไม่คาดหวังว่าลูกจะต้องมานั่งเรียนหรือจับดินสอทั้งวัน เพราะเราให้ความสำคัญกับการลงมือทำมากกว่า และเมื่อไรก็ตามถ้าเด็กคนไหนมีปัญหา ทางโรงเรียนก็จะคุยกับคุณพ่อคุณแม่ว่าเราอยากให้ช่วยเรื่องไหน และคุณพ่อคุณแม่ก็ควรให้ความร่วมมือกับเราด้วย”
ความเลอะเทอะนี่แหละ ช่วยให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์
เราแอบคิดว่าอากาศวันนั้นค่อนข้างร้อน แต่แม้จะเป็นวันที่อากาศร้อน เด็กๆ ก็ยังคงสนุกกับการเล่นสนุกกลางแจ้ง ไม่กลัวร้อนและไม่กลัวความเลอะเทอะตรงหน้า“เด็กๆ ทุกคนได้เล่นน้ำ เล่นทราย เล่นเลอะเทอะ ในขณะเดียวกัน นอกจากความสนุกสนานแล้ว เด็กๆ ก็ได้เรียนรู้ไปด้วย ธรรมชาติของเด็กก็จะเปิดกว้างออกมา ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการก็จะตามมา ถ้าเขาได้ลงมือทำ”
อาหารเป็นเหมือนอีกวิชาหนึ่งของโรงเรียน
วันนี้เด็กๆ มีปาร์ตี้อาหารกลางวันเล็กๆ มาในธีม Boodle Feast ซึ่งเป็นสไตล์การกินของชาวฟิลิปปินส์ เป็นการนั่งล้อมวงกินอาหารอย่างหลากหลาย ในขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของชนชาติต่างๆ อีกด้วย
“อาหาร เป็นเหมือนอีกวิชาหนึ่งของโรงเรียน เราใส่ใจกับเรื่องอาหารมาก อาหารต้องน่ากิน รสชาติอร่อย และเด็กทุกคนที่นี่กินผักเก่งมาก” คุณชุมศรีเล่าให้เราฟังก่อนจะขอตัวไปร่วมวงกับเด็กๆ ในวันนี้
COMMENTS ARE OFF THIS POST