คุณแม่หลายคนต้องหัวเสียทุกเช้ากับการเตรียมตัวลูกไปโรงเรียน ไหนจะต้องปลุกเจ้าตัวแสบให้ลุกขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัว เตรียมอาหารเช้า รอลูกกินข้าว แปรงฟัน เตรียมกระเป๋า
การเรียนรู้ของลูกน้อยเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อยู่ในท้องคุณแม่ เพราะฉะนั้น เมื่อลูกลืมตาออกมาดูโลกแล้ว คนที่จะช่วยให้ลูกเรียนรู้โลกใบนี้ได้ดีกว่าใคร ก็คงจะเป็นคนอื่นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่คุณแม่ที่ดูแล เลี้ยงดู และอยู่กับลูกตลอดเวลา
มารยาทเป็นสิ่งสำคัญ และการขอโทษก็เป็นสิ่งที่จำเป็น แต่เราจะทำอย่างไรให้ลูกรู้สึกว่าการขอโทษต้องออกมาจากใจจริง นั่นคือสิ่งที่สำคัญกว่า
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยกำลังหัดพูดหัดเจรจา คงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า เด็กวัยนี้มีความสามารถในการพูดเรื่องเดิม หรือถามซ้ำไปซ้ำมามากแค่ไหน โดยเฉพาะถ้าเป็นสิ่งที่เขาต้องการแล้ว เด็กๆ สามารถพูดถึงซ้ำๆ ได้อย่างไม่จบไม่สิ้นเลยทีเดียว
คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่าในหนึ่งวัน เด็กๆ ได้รับคำตอบในแง่ลบเฉลี่ยวันละ 432 ครั้ง และคำตอบแง่บวกเพียงแค่ 32 ครั้ง (อ้างอิงจากหนังสือ Redirecting Children’s Behavior ของ Kathryn J. Kvols) แต่รู้หรือไม่ว่า การพูดคำว่า ‘ไม่ อย่า และห้ามทำ’ อาจเกิดปัญหากับเด็กๆ ตามมาได้อีกมากมาย
คุณแม่เคยประสบปัญหาลูกติดแม่ จนไม่ยอมให้ใครหรือแม้แต่คุณพ่อดูแลแทนใช่หรือไม่! (น่าจะใช่นะ)
การจะแท็กทีมเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่ดีได้นั้น นอกจากหน้าที่เลี้ยงดูลูกน้อยแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ต้องไม่ลืมเลยก็คือการรักษาบรรยากาศและความสัมพันธ์ในรูปแบบสามีภรรยา เพราะถ้าความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อคุณแม่ไม่ลงรอยกันแล้วละก็ ความหงุดหงิดใจย่อมส่งผลไปสู่คุณภาพการเลี้ยงลูกของทั้งคุณแม่และคุณพ่อแน่นอน
จำนวนเด็กที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จากการคิดหรือพยายามฆ่าตัวตาย เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในเวลาไม่ถึงสิบปีในสหรัฐอเมริกา
เวลาเห็นเด็กๆ น่ารัก ผู้ใหญ่หลายคนอาจนึกเอ็นดูและรู้สึกหมั่นเขี้ยว แต่รู้ไหมว่า แม้แต่การเข้าหาหรือทักทายเด็กๆ นั้นก็มีขอบเขตที่ควรและไม่ควรทำเหมือนกัน
แม้ว่าปัจจัยต่างๆ เช่น อายุและเพศ มีผลต่อโอกาสในการเป็นโรคกระดูกพรุน แต่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตหลายๆ อย่าง ก็สามารถลดความเสี่ยงจากโรคนี้ได้ ซึ่งรวมไปถึงการแนะนำให้เด็กแรกเกิดกินนมแม่ถึงหนึ่งขวบ และเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 1-4 ปีต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนทุกหมวดหมู่