สหภาพยุโรปเปิดเผยข้อมูลล่าสุดประจำปี 2024 พบว่า เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีในกลุ่มประเทศ EU ร้อยละ 13.6 ต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนด้านวัตถุ (Material Deprivation) ซึ่งหมายถึงการขาดโอกาสเข้าถึงสิ่งของหรือบริการจำเป็นอย่างน้อย 3 รายการ จากทั้งหมด 17 รายการที่ถือเป็นมาตรฐานพื้นฐานของการดำรงชีวิตในระดับยอมรับได้
กรีซ โรมาเนีย บัลแกเรีย เด็กขาดแคลนสูงสุด ขณะที่โครเอเชีย สโลวีเนีย สวีเดน อยู่ในกลุ่มต่ำสุด
ประเทศที่มีสัดส่วนเด็กเผชิญภาวะขาดแคลนสูงที่สุดคือ กรีซ ที่มีอัตราสูงถึงร้อยละ 33.6 รองลงมาคือ โรมาเนีย และบัลแกเรีย สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในบางภูมิภาคของยุโรป ในทางตรงกันข้าม โครเอเชีย สโลวีเนีย และสวีเดน เป็นกลุ่มประเทศที่มีสัดส่วนเด็กขาดแคลนน้อยที่สุด
นอกจากนี้รายงานยังระบุอย่างชัดเจนว่า ระดับการศึกษาของพ่อแม่มีอิทธิพลต่อภาวะขาดแคลนของเด็กอย่างมีนัยสำคัญ โดยเด็กที่เติบโตในครอบครัวที่พ่อแม่มีการศึกษาระดับอุดมศึกษาจะมีสัดส่วนที่เผชิญภาวะขาดแคลนเพียงร้อยละ 5.6 เท่านั้น ในขณะที่เด็กจากครอบครัวที่พ่อแม่จบเพียงระดับมัธยมศึกษาตอนต้นหรือต่ำกว่านั้น มีอัตราสูงถึงร้อยละ 39.1
ประเทศที่มีเด็กจากครอบครัวที่พ่อแม่มีการศึกษาต่ำและเผชิญภาวะขาดแคลนในระดับสูง ได้แก่ สโลวาเกีย บัลแกเรีย และกรีซ ขณะที่ประเทศที่มีอัตราต่ำที่สุดในกลุ่มเดียวกันคือ โปแลนด์ ลักเซมเบิร์ก และสวีเดน
แม้ครอบครัวจะมีผู้ปกครองที่จบการศึกษาระดับอุดมศึกษา แต่ในบางประเทศก็ยังพบสัดส่วนเด็กที่เผชิญภาวะขาดแคลนอยู่ เช่น กรีซ สเปน และบัลแกเรีย ส่วนประเทศที่เด็กในกลุ่มครอบครัวการศึกษาสูงเผชิญภาวะขาดแคลนน้อยที่สุดคือ สโลวีเนีย โครเอเชีย และเช็กเกีย
ข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของการศึกษาในฐานะกลไกลดความยากจนข้ามรุ่น และสะท้อนถึงความจำเป็นที่รัฐบาลของแต่ละประเทศควรให้ความสำคัญกับนโยบายสนับสนุนครอบครัว โดยเฉพาะการส่งเสริมการศึกษาและสร้างระบบสวัสดิการที่ครอบคลุมเด็กกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้พวกเขาเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่ขาดแคลนพื้นฐานของชีวิต
COMMENTS ARE OFF THIS POST