ข่าวที่ไม่เคยเลือนหายไปจากสังคมไทย ไม่ว่าจะเวลาผ่านไปนานขนาดไหน ก็มักจะเกิดเหตุการณ์คุณครูลืมเด็กนักเรียนไว้ในรถรับส่งอยู่เสมอ เช่นเดียวกันกับกรณีล่าสุด เกิดขึ้น ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งที่ จ.ชลบุรี คุณครูไม่ได้เช็กจำนวนนักเรียนลงจากรถ ส่งผลให้เด็กหญิงวัย 7 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2 ต้องติดอยู่ในรถตู้เป็นเวลานานจนกระทั่งเสียชีวิต และกว่าคุณครูจะทราบว่าเด็กนักเรียนหายไปก็คือเวลาเลิกเรียนแล้ว
จากสถิติเด็กถูกลืมไว้ในรถรวบรวมโดยกองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค พบว่าช่วงปี 2557-2563 เกิดเหตุการณ์เด็กที่ถูกลืมและทิ้งให้อยู่ในรถคนเดียวมาถึง 129 เหตุการณ์ มีเด็กเสียชีวิต 6 ราย อายุระหว่าง 2-6 ปี ทั้งหมดติดอยู่ในรถเกินกว่า 6 ชั่วโมง ซึ่งสอดคล้องกับศูนย์วิจัยสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก โรงพยาบาลรามาธิบดี เคยให้ข้อมูลไว้ว่า เด็กส่วนใหญ่ที่ติดอยู่ในรถไม่ได้เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ แต่เป็นเพราะความร้อนภายในรถที่สูงขึ้น หากเด็กติดอยู่ในรถที่จอดกลางแดด 5 นาที อุณหภูมิจะสูงขึ้นจนไม่สามารถทนอยู่ได้ หากติดนาน 10 นาที ร่างกายจะยิ่งแย่ และ 30 นาที เด็กจะเกิดภาวะเลือดเป็นกรด ช็อก หมดสติ สมองบวมตามมา จากนั้นอาจหยุดหายใจ อวัยวะทุกอย่างก็จะหยุดทำงาน และอาจเสียชีวิตได้
เหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น หากทุกคนช่วยกันป้องกันใน 3 ข้อควรจำ คือ
1. นับ จำนวนเด็กก่อนขึ้นและหลังลงจากรถทุกครั้ง
2. ตรวจตรา ก่อนล็อคประตูรถ ตรวจดูให้ทั่วรถ
3. ไม่ประมาท ไม่ทิ้งเด็กไว้เพียงลำพัง แม้จะชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม
นอกจากนี้ครูและผู้ปกครองควรสอนให้เด็กรู้จักวิธีเอาตัวรอดเมื่อติดอยู่ในรถ โดยใช้นิทานหรือสื่อการ์ตูนให้ความรู้ เช่น
– สอนเด็กให้รู้จักการบีบแตรเป็นจังหวะ เพื่อขอความช่วยเหลือ
– สอนวิธีปลดล็อกประตูรถ
– สอนให้เปิด-ปิดกระจกรถเป็น
– รู้จักเปิดไฟฉุกเฉิน หรือใช้ค้อนทุบกระจกให้แตก
และวิธีเอาตัวรอดจากการติดในรถอีกวิธีที่สำคัญคือ การติดต่อพ่อแม่ผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทวอทช์ ผู้ปกครองต้องสอนให้ลูกหลานใช้กดปุ่มโทรฉุกเฉินเป็น
COMMENTS ARE OFF THIS POST