จากผลของความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน มีความเป็นไปได้ที่จะช่วยชีวิตเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนดมากขึ้น แม้ว่าเด็กจะอายุครรภ์เพียง 22 สัปดาห์ก็ตาม

โดย British Association of Perinatal Medicine ได้ออกมากล่าวคำแนะนำก่อนหน้านี้ว่า แพทย์ควรช่วยชีวิตทารกที่คลอดก่อนกำหนดเมื่ออายุครรภ์ 23 สัปดาห์หรือหลังจากนี้เท่านั้น เพราะหากอายุครรภ์ยังไม่ถึงอาจเป็นเรื่องเสี่ยงที่เด็กจะรอดชีวิตได้

ในปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ด้านต่างๆ ไม่ว่าจะด้านการใช้ยาสเตียรอยด์ อุปกรณ์ที่ครบครัน และผู้เชี่ยวชาญที่เพิ่มมากขึ้น หมายความว่าขณะนี้หากมีทารกคลอดก่อนกำหนดเมื่ออายุครรภ์ 22 สัปดาห์ เด็กจะมีเปอร์เซ็นรอดชีวิตที่มากขึ้นแม้ว่าโอกาสการรอดชีวิตจะอยู่ในระดับต่ำก็ตาม

BAPM รายงานว่าทารกหนึ่งในสามที่คลอดตอนอายุครรภ์ได้ 22 สัปดาห์จะมีชีวิตรอด แม้ว่าจะมีทารก 7 ใน 10 คนที่เสียชีวิตในระยะนี้ก็ตาม

ในเดือนสิงหาคม 2561 Reuben และ Jensen Powell ได้ท้าทาย และมีโอกาสกลายเป็นเด็กชายฝาแฝดอายุน้อยที่สุดในสหราชอาณาจักรที่รอดชีวิตจากการคลอดก่อนกำหนดเมื่ออายุครรภ์ 22 สัปดาห์ 6 วัน

อย่างไรก็ตาม Dominic Wilkinson ศาสตราจารย์ด้านจริยธรรมการแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดบอกกับบีบีซีว่าการให้การรักษาพยาบาลแก่ทารกที่คลอดก่อนกำหนดนั้นไม่ใช่ “สิ่งที่ถูกต้องที่ควรทำ”

“มันเป็นเรื่องเกิดขึ้นได้ในปี 2019 ที่จะช่วยชีวิตเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนด และนั่นถือเป็นข่าวที่น่าอัศจรรย์” เขากล่าว

“แต่ความเสี่ยงที่สูงมากต่อชีวิตเด็ก หมายความว่ามันไม่ใช่สิ่งถูกต้องเสมอไปที่จะทำการรักษาและมองว่าอย่างไรเด็กก็จะรอดชีวิต”

“เราไม่สามารถพูดได้ว่ามันอาจเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ในอนาคต แต่เราต่างหากที่กำลังจะมาถึงขีดจำกัดของสรีรวิทยาของมนุษย์ตามธรรมชาติ”

BAPM ยังคงแนะนำว่าทารกที่เกิดก่อน 22 สัปดาห์อาจจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตเนื่องจากปอดของพวกเขายังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์

ที่มา
independent