NEWS UPDATE: 22 สิงหาคม วันดื่มนมพืชโลก

วันดื่มนมพืชโลก หรือ world plant milk day ถูกกำหนดขึ้นในวันที่ 22 สิงหาคมของทุกปี เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและรณรงค์ให้ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพตนเองและสิ่งแวดล้อมด้วยนมที่ผลิตมาจากพืช

นมวัวเป็นนมที่เราน่าจะคุ้นเคยมากที่สุด กล่องนมไซต์มาตรฐานจะมีปริมาณ 250 มิลลิลิตร ซึ่งจะมีโปรตีนอยู่ที่ 8 กรัม คาร์โบไฮเดรต 12 กรัม และไขมันอยู่ระหว่าง 2-8 กรัม ส่วนนมจากพืชอย่างนมถั่วเหลืองจะมีปริมาณโปรตีนสูงสุดอยู่ที่ 7 กรัม ซึ่งถือว่านมถั่วเหลืองมีปริมาณโปรตีนที่ใกล้เคียงกับนมวัวมากที่สุด

นมอัลมอนล์ และนมข้าวโอ๊ตมีปริมาณโปรตีนอย่างน้อยที่สุด 1-2 กรัม นอกจากนี้ในนมถั่วเหลืองยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปรับสมดุลของร่ายกาย ลดปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับอาการหลังการหมดประจำเดือน (menopausal symptoms) หรืออาจมีผลป้องกันหรือปรับเปลี่ยนภาวะความผิดปกติของร่างกายหรือการเกิดโรคต่างๆ เช่น มะเร็งบางชนิด โรคหัวใจและหลอดเลือด สารนี้มีชื่อว่า ‘ไอโซฟลาโวน’ ซึ่งมีการทำงานคล้ายกับฮอร์โมนเพศหญิง หรือเรียกว่าเป็นเอสโตรเจนธรรมชาติที่อาจช่วยเพิ่มระดับเอสโตรเจนในร่างกาย และแม้ว่านมจากพืชจะมีปริมาณคาร์โบไฮเดรต และไขมันที่น้อยกว่านมจากสัตว์ แต่ไขมันที่ได้รับในนมจากพืชนั้นเป็น ‘ไขมันดี หรือ HDL’

นมจากพืชก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเรา แต่ถ้าเรามองที่คุณค่าทางสารอาหารเพียงอย่างเดียว นมวัวก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แล้วถ้าเราเทียบเฉพาะนมจากพืชและนมจากสัตว์ที่มีคุณค่าทางสารอาหารที่ใกล้เคียงหรือเท่ากัน และร่างกายเราก็ไม่ได้แพ้น้ำตาลแลคโตส

แล้วนมชนิดไหนถึงจะดีทั้งต่อตัวเราและสิ่งแวดล้อม?

ในทุกขั้นตอนของการผลิตนม มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่แตกต่างกัน การผลิตนมจากสัตว์หรือนมวัว 1 แก้ว ต้องใช้พื้นที่เกือบ 4 ตารางกิโลเมตรในการผลิต และพื้นที่นั้นอาจมาจากการตัดไม้ทำลายป่า ทำลายแหล่งที่อยู่ของสัตว์ป่า เพื่อเปลี่ยนมาใช้ในการทำปศุสัตว์ อย่างการเลี้ยงวัว และอีกส่วนหนึ่งคือใช้สำหรับการผลิตอาหารสัตว์ ส่วนนมจากพืชก็ต้องเปลี่ยนแปลงพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์เช่นเดียวกัน แต่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับการผลิตนมจากสัตว์

นมวัว 1 แก้ว ต้องใช้น้ำประมาณ 120 ลิตรในการผลิต ซึ่งใช้สำหรับการเลี้ยงวัวและการผลิตอาหาร ส่วนนมอัลมอนด์ต้องใช้น้ำ 70 ลิตรต่อแก้ว ในการปลูกต้นอัลมอนล์ต้องใช้น้ำอย่างสม่ำเสมอเกือบตลอดปี จึงจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ในขณะที่นมจากพืชอย่างนมถั่วเหลือง และนมข้าวโอ๊ต ใช้น้ำน้อยที่สุดเพียง 5-10 ลิตรต่อแก้วเท่านั้น

การผลิตนมจากพืชมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 0.1 – 0.2 กิโลกรัมต่อแก้ว ในขณะที่การผลิตนมวัวนั้นมีการปล่อยก๊าซมีเทนออกมาจากการเรอและการผายลมของวัวมากถึง 0.5 กิโลกรัมต่อแก้ว

รัฐบาลนิวซีแลนด์มีแผนเสนอการเก็บภาษีการปล่อยก๊าซมีเทนที่เกิดจากการเรอและการผายลมของวัว ซึ่งการผายลมและเรอของวัวทั่วโลกนั้นมีปล่อยก๊าซมีเทนมากถึง 15% ของปริมาณทั้งหมด

หากเราจะเลือกว่านมชนิดไหนดีที่สุด ถ้าเราสามารถเลือกดื่มได้ทั้งนมจากพืชและนมจากสัตว์ การเลือกซื้อโดยการคำนึงถึงแค่คุณค่าทางสารอาหารอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ เราควรคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ดังนั้นนมจากพืชโดยเฉพาะนมข้าวโอ๊ตและนมถั่วเหลืองอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ดีทั้งต่อตัวเราและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดอีกด้วย

อ้างอิง
seub

Supinya R.

ชอบอ่านนิยายสยองขวัญ ชอบเขียนไดอารี่ และเป็นคุณแม่จำเป็นในบางเวลา :-)

COMMENTS ARE OFF THIS POST