READING

พ่อรักลูกเกินเหตุ : 4 พฤติกรรมของคุณพ่อที่อาจทำลาย...

พ่อรักลูกเกินเหตุ : 4 พฤติกรรมของคุณพ่อที่อาจทำลายการเรียนรู้ของลูกชาย โดยไม่รู้ตัว

พ่อรักลูกเกินเหตุ

Pew Research Center ศูนย์รวบรวมงานวิจัย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยผลงานวิจัยว่า คุณพ่อมากกว่าร้อยละ 22 อยากได้ลูกชายมากกว่าลูกสาว เพราะเชื่อว่าตัวเองเข้าใจธรรมชาติและสามารถส่งเสริมพัฒนาการให้เด็กผู้ชายได้ดีกว่าเด็กผู้หญิง

จึงไม่น่าแปลกใจว่า เมื่อได้ลูกชายสมใจแล้ว ปัญหา พ่อรักลูกเกินเหตุ จึงเกิดขึ้นและแอบสร้างความหนักใจให้คุณแม่อยู่บ่อยๆ

และสำหรับลูกชายแล้ว คุณพ่อเปรียบเสมือนต้นแบบในการใช้ชีวิต โดยลูกชายจะเลียนแบบพฤติกรรมของคุณพ่อตั้งแต่ยังเล็ก หากคุณพ่อมีพฤติกรรมเชิงบวก ปฏิบัติต่อคนในครอบครัวอย่างให้เกียรติ และทำหน้าที่ผู้นำที่ดีก็จะส่งผลให้ลูกชายเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ ในทางตรงกันข้ามหากคุณพ่อมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ชอบวางอำนาจหรือใช้กำลังกับคนในครอบครัว ลูกชายก็จะเติบโตไปเป็นคนก้าวร้าวและสร้างความเดือดร้อนให้คนในสังคมได้

ยิ่งไปกว่านั้น งานวิจัยยังเปิดเผยอีกว่า เมื่อคุณพ่อมีลูกชาย ก็มักต้องการให้ลูกชายได้สิ่งที่ดีที่สุด หรือเป็นเด็กผู้ชายที่มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งสติปัญญา ความสามารถ บุคลิกภาพ และการเป็นที่ยอมรับของสังคม จนบางครั้งทำให้คุณพ่อมีความคาดหวังในตัวลูกชายมากเกินไป โดยไม่รู้ตัว

ด้วยเหตุนี้ M.O.M จึงรวบรวม 4 พฤติกรรม พ่อรักลูกเกินเหตุ จนอาจเป็นการทำร้ายและทำลายการเรียนรู้ของลูกชายทางอ้อม มาฝากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ

1. ตีกรอบชีวิตให้ลูกชาย

toomuchlove_web_1

คุณพ่อที่อยากมีลูกชาย พอได้ลูกชายสมใจก็มักจะตั้งความหวังและตีกรอบชีวิตให้ลูกโดยไม่รู้ตัว เพราะคิดว่าการวางแผนชีวิตที่รัดกุมจะทำให้ลูกดำเนินชีวิตได้ดียิ่งขึ้น แต่ความจริงแล้ว การปกป้องลูก และพยายามให้ลูกอยู่ในกรอบมากเกินไป อาจทำให้ลูกกลายเป็นเด็กขี้กลัว ไม่กล้าลงมือทำสิ่งใหม่ เพราะกลัวความผิดพลาดที่จะตามมาได้

ยิ่งไปกว่านั้นคุณพ่อบางบ้านก็พยายามสอนลูกชายให้เป็นไปตามบรรทัดฐานสังคม เช่น เป็นเด็กผู้ชายต้องเตะบอล หรือเป็นเด็กผู้ชายต้องเข้มแข็ง ซึ่งการกำหนดภาพลักษณ์หรือบุคลิกของลูกชายก็เป็นการจำกัดขอบเขตการเรียนรู้ของลูกเช่นกัน เพราะลูกจะเคยชินกับการทำกิจกรรมเดิมๆ อยู่กับสังคมเดิมๆ ไม่ยอมเปิดใจทำสิ่งใหม่ และกลายเป็นเด็กไม่ยืดหยุ่น ปรับตัวเข้าหาคนอื่นได้ยาก ชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง และไม่ยอมรับในความแตกต่างของคนอื่น

2. ผลักดันให้ลูกชายต้องเป็นที่ 1 อยู่เสมอ

toomuchlove_web_2

ความต้องการที่จะให้ลูกชายเป็นที่ 1 ในทุกด้าน เกิดจากความรักของคุณพ่อที่มีต่อลูกชาย อยากให้ลูกอยู่แข็งแกร่งในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันได้ ทำให้คุณพ่อพยายามเข้มงวดกับลูกชายในทุกด้าน ทั้งการเรียน ความสามารถพิเศษ บุคลิกภาพ รวมถึงทักษะการใช้ชีวิต

แต่การเข้มงวดและผลักดันให้ลูกต้องเก่งและดีขึ้นอยู่เสมอกลับส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของลูก ดังที่กรมสุขภาพจิต สถาบันราชานุกูล เผยว่า การเข้มงวดกับลูกมากจนเกินไปจะทำให้เด็กเกิดภาวะเครียด และสามารถนำไปสู่การปิดกั้นตนเองจากการเรียนรู้ได้

3. สปอยล์ลูกมากเกินไป

toomuchlove_web_3

จากงานวิจัยของ Dr. David Bredehoft ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยคอนคอร์เดีย ประเทศสหรัฐอเมริกา (Concordia University) พบว่า คุณพ่อมีแนวโน้มจะเป็นคนที่ตามใจลูกมากกว่าคุณแม่ และการตามใจลูกมากจนเกินไปส่งผลให้ลูกกลายเป็นเด็กพัฒนาการช้าอีกด้วย

คุณพ่อควรปล่อยให้ลูกชายฝึกทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง และช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่สามารถทำได้ เช่น เก็บของเล่นเข้าที่ หรือให้ลูกชายช่วยงานบ้านคุณแม่บ้าง เพื่อส่งเสริมทักษะการใช้ชีวิตพื้นฐานและช่วยให้ลูกชายสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต

4. รักแต่ไม่ค่อยแสดงความรักให้ลูกเห็น

toomuchlove_web_4

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคุณพ่อจำนวนไม่น้อยหลีกเลี่ยงการแสดงความรักต่อลูกชาย ไม่ว่าจะผ่านการกอด การบอกรัก หรือแม้กระทั่งการชื่นชมและให้กำลังใจ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ผู้ชายไม่ค่อยทำต่อกัน หรือกลัวว่าจะทำให้ลูกเคยตัวและได้ใจ แต่การไม่แสดงความรักให้ลูกรับรู้ อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อกับลูกชายกลายเป็นความห่างเหิน

ดังนั้น คุณพ่อจึงควรแสดงความรักและให้กำลังใจลูกชายอยู่เสมอ เพราะสำหรับลูกชายแล้ว ความรักจากคุณพ่อผู้เป็นต้นแบบการใช้ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญและช่วยผลักดันให้ลูกมีกำลังในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากขึ้นได้

อ้างอิง
moms
Pediatric Associates
Rajanukul Institute

PITTAYARAT CH.

พิทยารัตน์ ชูพล: เด็กผู้หญิงผู้รับบทบาทลูกสาวคนเล็ก ที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยความรักเเละความใส่ใจจากคุณแม่ จนมีความใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะมอบความรักอันยิ่งใหญ่แบบนี้ให้ใครสักคนบ้าง

COMMENTS ARE OFF THIS POST